วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558

SPCG พร้อมรุกทำโซลาร์รูฟ รองรับ AEC และพลังงานแสงอาทิตย์

 SPCG พร้อมรุกทำโซลาร์รูฟ รองรับ AEC และพลังงานแสงอาทิตย์


รัฐบาลประยุทธ์ เตรียมเปิดประมูลพลังงานแสงอาทิตย์ภาครัฐ SPCG พร้อมสยายปีก​ขยายการลงทุน และเชื่อมต่อไปยัง ตปท. และรุกทำโซลาร์รูฟท็อป เพื่อรองรับ AEC มั่นใจปี 58 ทำนิวไฮรายได้พุ่ง 5 พันล้าน...

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจไปต่างประเทศ ขณะนี้การเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรในโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่นคาด ว่า จะสรุปได้ภายในไตรมาส 1/58 และจะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงไตรมาส 2/58 มีขนาดกำลังผลิตราว 150 เมกะวัตต์ และบริษัทยังสนใจลงทุนทำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาในพม่าด้วย โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่า จะสรุปได้ภายในปีนี้ เบื้องต้นจะมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ จากนั้นจะมองการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์ต่อไป

"บริษัทในฐานะตัวแทนประเทศไทย ยังสนใจขยายธุรกิจไปสู่การเป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์ที่ติดตั้งบนหลังคา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรจากญี่ปุ่น ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ มูลค่าโครงการประมาณ 100 ล้านบาท กำลังการผลิตราว 10 เมกะวัตต์ในปีแรก และจะขยับขึ้นเป็น 100 เมกะวัตต์ภายใน 5 ปี เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) เพราะมองว่า ประเทศเพื่อนบ้านยังมีความต้องการใช้แผงโซลาร์ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อีกมาก" น.ส.วันดี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนรัฐบาล เตรียมจะเปิดประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภาครัฐ ในช่วงเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งมีการกำหนดปริมาณรับซื้อไฟ 800 เมกะวัตต์ โดยบริษัทเอสพีซีจี เป็นหนึ่งในตัวเก็งที่คาดหวังจะได้รับเป็นผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ไม่ต่ำ กว่า 200 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มีที่ดินเปล่า สามารถรองรับโครงการถึง 5,000 ไร่ โดยถือว่าเป็นผู้มีความพร้อมรองรับงานในส่วนภาครัฐ ทั้งนี้ เอสพีซีจี ยังสนใจซื้อใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของผู้ประกอบการรายเดิมที่ ยังไม่ได้เริ่มโครงการ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับหลายราย คาดจะได้ราว 15 เมกะวัตต์ ซึ่งจะพิจารณาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

 น.ส.วันดี กล่าวว่า ว่า บริษัทคาดว่ากำไรปี 58 จะทำสถิติสูงสุด หลังจากปี 57 ทำกำไรได้ 1,655.61 ล้านบาท และรายได้จะเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท จากปี 57 ที่มีรายได้ 4,410.72 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้ บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ครบ 36 โครงการ กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ (MW) เข้ามาเต็มที่เป็นปีแรก ประกอบกับ คาดว่าในปีนี้จะมียอดขายแผงโซล่าราว 500-600 ล้านบาท จากปีก่อนมียอดขายราว 300 ล้านบาท หลังจากวางจำหน่ายสินค้าผ่านโมเดิร์นเทรด เริ่มจากโฮมโปร 77 สาขาทั่วประเทศ.

Cr : Thairath

ตัวอย่างเครื่องใช้ที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ : Camping Light, Solar Lamp, ตะเกียง, ตะเกียงไฟฟ้า, โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์, โคมไฟแสงอาทิตย์, โคมไฟโซล่าเซลล์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น