วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ขอหยุดปฏิบัติหน้าที่


พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร


จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พระชื่อดังที่มีทั้งดารา เช่น อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ ญาญ่า และ ณเดชน์ เป็นต้น ตลอดจน นักร้อง นักการเมือง ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน และนักธุรกิจทั่วไปจำนวนมาก ให้ความเคารพนับถือ ซึ่งการจัดงานแต่ละครั้งของวัดท่าไม้ จะมีผู้มาร่วมงานกันอย่างล้นหลามนั้น ได้ลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าไม้แล้ว

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พระครูสิริสารนิวิฐ พระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งระบุว่า ก่อนหน้านี้พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร ส่งหนังสือ "ขอลาหยุดพักปฏิบัติหน้าที่จากตำแหน่งเจ้าอาวาสและฐานานุกรม" ต่อเจ้าคณะตำบลบางยาง อ.กระทุ่มแบน และ ยังได้มาพบกับพระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับนำพัดยศมาคืนท่านเจ้าคณะจังหวัดด้วย
ส่วนเหตุผลของการขอลาหยุดพักปฏิบัติหน้าที่ จากตำแหน่งเจ้าอาวาสและฐานานุกรมนั้น พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร ระบุในหนังสือว่า "กระผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพและได้รับการผ่าตัด ทั้งกระดูกคอเสื่อมผุ ไตเสื่อม ตัดถุงน้ำดี ม้ามและตับมีชิ้นเนื้องอก ลำไส้อักเสบ กระเพาะอักเสบ เข่าเสื่อม และปัญหาญาติโยมขัดแย้งเป็นสองฝ่าย ซึ่งไม่สามารถให้ปรองดองได้ ซึ่งมีกระผมเป็นต้นเหตุ มีข้อบกพร่องหลายอย่าง ผิดพลาดหลายประการ

เนื่องจากมีผู้ศรัทธาถวายที่ให้สร้างวัด และตั้งใจจะไปจำพรรษาที่เมืองกุสินารา ประเทศอินเดีย สถานที่ปรินิพพาน จึงขอมอบอำนาจหน้าที่คำสั่งการบริหารทั้งหมดภายในวัดท่าไม้ให้ พระครูสังฆภารวิสิฐ และจะทำเรื่องขอลาออกตามลำดับต่อไป"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พิจารณาเหตุผลแล้วเห็นว่าไม่เป็นการสมควรที่จะให้ลาออกจากตำแหน่งในขณะนี้ เนื่องจากว่าปัญหาในเรื่องของสุขภาพถ้าต้องเข้ารับการรักษาอยู่บ่อยครั้ง ก็ให้มีการตั้งผู้ช่วยขึ้นมาดูแลการบริหารจัดการภายในวัดแทน และให้งดรับภารกิจต่างๆ โดยให้เข้ารับการรักษาตัวจนหายเป็นปกติแล้ว ก็กลับมาดูแลวัดต่อไป
ส่วนเรื่องที่ต้องการจะไปจำพรรษานั้น ก็ไปได้เพื่อเป็นการทำสมาธิทำจิตใจให้สงบตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธ เจ้า ซึ่งโดยสรุปแล้วก็คือตอนนี้พระปลัดอุเทน สิริสาโร ยังคงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดท่าไม้เช่นเดิม เพราะทางพระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาครยังไม่มีคำสั่งอนุมัติแต่อย่างใดทั้งสิ้น

Cr  :  sanook.com

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558

“บี” ซัด “โย” ด่าใครให้ระบุชื่อ ลั่นไม่ใช่คนสองหน้า อโหสิ! มือมืดป้ายขี้ดิสเครดิต

“บี” ซัด “โย” ด่าใครให้ระบุชื่อ ลั่นไม่ใช่คนสองหน้า อโหสิ! มือมืดป้ายขี้ดิสเครดิต
        “บี น้ำทิพย์” ซัดเดือดไม่ใช่คนตลบแตลงสองหน้า ถ้า “โย ยศวดี” อยากด่าให้ระบุชื่อ เฉไฉตอบอีกฝ่ายปล่อยข่าวดิสเครดิต เหน็บชีวิตคงแย่ ไม่มีอะไรดี อโหสิกรรมให้ ชาติหน้าอย่าได้เจอกันอีก

   กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์กับข้อความตอบโต้กันไปมาผ่านอินสตาแกรม ระหว่าง “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” กับ “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” ที่ มาถึงตอนนี้ทั้งคู่ยังเคลียร์เรื่องบัญชีไม่ลงตัว จนสาวบียอมรับว่าหวังให้การไกล่เกลี่ยสำเร็จ ย้ำอะไรที่เป็นของตนต้องได้คืน! พร้อมเปิดใจกรณีมีมือดีปล่อยข่าวกระโดดถีบ “ฮิม อิสริยะ คูหาเปรมกิจ” หน้าผับเพราะหึงหวงดาราสาว “เซลิน่า เพียซ” ลั่นอโหสิกรรมให้เพราะคนปล่อยข่าวคงชีวิตแย่ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก
      
       “กับประเด็นข่าวน้องเซลิน่าที่บอกว่าบีกับฮิมทะเลาะกันเรื่องเขาหรือเปล่า ขอ ชี้แจงตรงนี้เลยว่าเรื่องที่เราทะเลาะกันเป็นเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่งานวันเกิดพี่โย ซึ่งเป็นงานที่ไพรเวตมาก แล้วบีกับฮิมทะเลาะกันด้วยเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับน้องเลย ที่น้องบอกว่ารู้สึกแย่เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราทะเลาะกัน เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับน้องเลย”
      
       “เขาก็ไม่ได้เข้ามาเคลียร์ ไม่เคยพูดเลย เจอกันเมื่อ 2 ปีที่แล้วซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เรามีปากเสียงกันนิดหน่อยแต่คนปล่อยข่าวก็เมาท์ไปเรื่อย ตอนฟังเราก็รู้สึกว่าน้องเขาจะรู้สึกแย่หรือเปล่า ฝากบอกน้องเขาผ่านสื่อด้วยว่าที่เราทะเลาะกันไม่เกี่ยวกับน้องเลย หลัง จากงานวันเกิดพี่โย อีก 2 อาทิตย์เจอกันตามงานแฟชั่นโชว์เราก็ไม่เคยเคลียร์กันเรื่องนี้และไม่เคยพูด ถึง มันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เราไปขอโทษเขาไหมก็ไม่ เขามาขอโทษเราไหมก็ไม่ เพราะมันไม่เกี่ยวกันไง มันไม่เกี่ยวกับน้องเลยสักนิดหนึ่ง”
      
       ยันจำเหตุการณ์วันดังกล่าวไม่ได้ แต่ตนไม่ใส่ใจ ส่วนคนปล่อยข่าวหวังดิสเครดิตสงสัยเกลียดตนมาก
       “ไม่เลยค่ะ เอาจริงๆ วันนั้นจำไม่ได้ เราไปปาร์ตี้ก็ยอมรับว่ามีดื่มบ้าง เราไม่ได้โฟกัสว่าทำไมเราถึงไปดูไลน์ของเขา บี ไม่ได้ใส่ใจ ง่ายๆ คือเราทะเลาะกันมันไม่เกี่ยวกับน้องเขา พอน้องมาพูดแบบนี้เราเลยรู้สึกว่าเอ๊ะ… หรือน้องเขาจะเครียด ก็ต้องบอกน้องเขาไว้เลยตรงนี้ว่าไม่เกี่ยวกับเขาเลย งงมากทำไมเพิ่งมีข่าว เรื่องมัน 2 ปี แล้วทำไมเพิ่งมีข่าวตอนนี้ คนที่ปล่อยข่าวนี้แสดงว่าเขาต้องเกลียดเรามากกก (ลากเสียงยาว) คือแบบดิสเครดิตเรา ถ้ามันจะมีอะไรมันก็ควรมีไปเมื่อ 2 ปีที่แล้วไง เลยอยากจะเคลียร์ตรงนี้ด้วย ช่วยเคลียร์ข่าวตรงนี้ให้บีด้วย ถ้ามันไม่มีอะไรเป็นความจริง หรือความถูกต้องอันนี้บีว่ามันไม่ใช่เรื่อง น้องเขาก็เครียดและเสียใจคิดว่าเป็นเพราะเขา บีก็อยากจะชี้แจงว่ามันไม่เกี่ยวกับเขา”
      
       “ฮิมเขาไม่สนใจอยู่แล้ว บีเองยังมองว่ามันไร้สาระ มันเป็นการดิสเครดิตเราเต็มๆ ฮิมเขาเฉยๆมาก อย่างที่บอกว่ามันเป็นปาร์ตี้ไพรเวตมากๆ ถึงรู้ว่าใครปล่อยข่าวนี้บีก็ไม่อะไร ปล่อยเขาไปดีกว่า บีอโหสิให้ บีว่าชีวิตเขาคงไม่มีอะไรดีอยู่แล้วถึงมาปล่อยข่าวแบบนี้กับเรา การทำร้ายคนอื่น ปล่อยข่าวเสียๆ ดิสเครดิตคนอื่นคิดว่าชีวิตเขาคงจะแย่อยู่แล้ว บีอโหสิดีกว่า ชาติหน้าจะได้ไม่เจอคนแบบนี้อีก บีไม่เครียดเลย (หลายคนพุ่งเป้าไปที่โย) ไม่รู้ว่าใครไง ไม่อยากจะเดาส่ง ไม่อยากจะใส่ร้ายป้ายสีใคร ถ้ามีหลักฐานชัดเจนค่อยว่ากัน”
      
       ลั่นโพสต์ไอจีเหน็บคนโกงเงินไม่ได้หมายถึงโย ส่วนอีกฝ่ายถ้าไม่ใช่ก็อย่าร้อนตัว
       “จริงๆ ที่โพสตืไปบีรู้สึกว่าคนสมัยนี้ที่โกงเงินคนอื่นเขาก็มีความสุขกับชีวิต โดยที่ไม่รู้สึกสำนึกผิดหรือว่ารู้สึกผิดชอบชั่วดี เอาเงินคนอื่นไป แล้วก็เอาไปทำบุญ เอาไปเที่ยวหรือเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ บีเลยมานั่งตรึกตรองว่า เอ๊ะ คนที่โกงเงินคนอื่นเขาไปแล้วมีชีวิตที่แบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ทุกข์ร้อน ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีเป็นยังไง ซึ่งบีก็โพสต์ลงไอจีเขียนว่า สำหรับคนที่โกงเงินแล้วเอาไปทำบุญ คนแบบนี้เขาจะได้บุญไหมแค่นั้นเอง (คนโยงไปที่โย) เราอย่าเพิ่งพูดว่าพาดพิง ที่บีโพสต์ คือบีมองว่าสังคมสมัยนี้มันมีแบบนี้เยอะที่เอาเงินไปโดยไม่ใช่ของตัวเอง แต่ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี บีก็เลยโพสต์ลงไอจีเท่านั้นเองว่าคนแบบนี้เป็นคนแบบไหน เขาอาจจะขาดความรัก ความอบอุ่นหรือว่าขาดคนที่คอยดูแลเอาใจใส่ หรือว่าอยากได้อยากมีจนลืมถึงคุณค่าทางจิตใจ คุณธรรม ความยุติธรรม แค่นั้นเองก็เลยโพสต์ลงไปในไอจี”
      
       “บีว่าอย่ามองถึงอย่างนั้นเลยนะคะ เอาเป็นว่าอย่างที่บีบอก บี ว่าคนที่เป็นแบบนั้นมากกว่า คนที่ขี้โกงอะไรแบบนั้นมากกว่า ก็ถ้าเขาไม่เป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องร้อนตัวค่ะ พูดตรงๆ เลย ส่วนที่เขาออกมาตอบโต้ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าเราต่างคนต่างไม่ดูไอจีซึ่งกันและกันอยู่แล้ว บีก็คิดว่าเขาไม่น่าจะมีของบี และบีก็ไม่ดูของเขาค่ะ ส่วนที่บีโพสต์รูปสตรอเบอร์รี่แล้วคนไปตีความว่าเป็นเขา บีว่าเซ้นซิทีฟเกินไป ยังอุตส่าห์เอาไปเป็นข่าวได้ ต้องบอกก่อนว่าสตรอเบอร์รี่ที่ได้มามันแพงมาก และได้มาจากผู้มีพระคุณ ซึ่งใครมาถามในไอจีบีว่าแดกดันใครหรือเปล่า บีหัวเราะค่ะและบอกว่าไม่ค่ะ คือได้มาจากนางฟ้า ถ้าพูดขนาดนี้ว่าได้จากนางฟ้าคงไม่น่าเกี่ยวกับเขาแล้วค่ะ”
      
       ปัดลงรูปสตรอเบอร์รี่แดกดันอีกฝ่าย ส่วนบัญชียังเคลียร์กันไม่จบ ลั่นอะไรที่เป็นของตน ตนต้องได้คืน
       “เจตนาไม่ได้พาดพิงค่ะ ถ้าพูดประเด็นเกี่ยวกับเขานะคะ ถาม ว่าเรื่องบัญชีจบหรือยัง ยังนะคะ ยังไม่จบนะคะ คือตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการไกล่เกลี่ยนะคะว่าจะออกมาเป็นยังไง บีก็พยายามจะไกล่เกลี่ยให้ออกมาดีที่สุด แต่สิ่งที่บีต้องการจริงๆ นะคะคือความถูกต้องที่สุดเท่านั้นที่บีต้องการ เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นของเขา เอาไปค่ะ แต่อะไรที่เป็นของบี บีขอของคืนนะคะ ส่วนที่ไม่ถูกต้องก็เรื่องบัญชี อะไรที่เป็นของเขาก็เอาไป อะไรที่เป็นของบีบีขอคืน พูดได้เท่านี้จริงๆ”
      
       “ที่เขาบอกว่าคลียร์ทุกอย่างจบหมดแล้ว ยังไม่จบค่ะ ยังไม่ได้อะไรคืนมา ส่วนจะเกี่ยวกับตัวเลขด้วยไหม คือบีไม่อยากจะพูดแล้วออกมาทำร้ายใคร แต่ความจริงก็คือความจริง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องการอย่างที่บอกตอนที่ไกลเกลี่ยกัน ถ้าได้ในสิ่งที่บีต้องการไกล่เกลี่ยแล้วได้ โอเค อะไรที่เป็นของเขาก็เอาไป อะไรที่เป็นของบีเอาคืนมา บีว่ามันก็ไม่น่ายากนะคะ เพราะว่าอย่างที่บอกมันก็มีหลักฐานอะไรหลายอย่างอยู่แล้ว แต่สิ่งที่บีต้องการคือความถูกต้องเท่านั้นเอง ขอคุยกับเขาโดยตรงดีกว่าค่ะ”
      
       “ก็ยังไม่ได้คุยโดยตรง บีส่งตัวแทนไปเพราะว่าบีไม่อยากไปคุยด้วยตัวเอง บีเป็นคนที่ถ้าไม่แรงไปเลยก็จะซอฟท์ไปเลย บีกลัวว่าบีจะใจอ่อน บีก็เลยส่งคนไปคุยดีกว่า เราก็ไม่เจอกัน ไม่เซย์ฮัลโหลกัน ส่วนจะถึงขั้นฟ้องร้องไหมก็ขอเคลียร์นะคะ ขอพูดสั้นๆ เลยคือถ้ามันตกลงกันไม่ได้อย่างที่ไกล่เกลี่ยไว้ ก็คงจะต้องให้บุคคลที่สามที่มีความยุติธรรมทางด้านนี้มาเป็นคนตัดสินนะคะ พูด ได้แค่นี้เลย จำเงินเงินเปิดเผยไม่ได้ ตัวเลขเปิดเผยไม่ได้จริงๆ ค่ะ เอาเป็นว่าพวกนี้มันเป็นรายละเอียดเล็กๆ ซึ่งบีพูดมากไปเดี๋ยวมันจะเสียรูปคด เข้าใจบีนิดหนึ่ง บีพูดมากไม่ได้ เอาเป็นว่าบีต้องการทุกสิ่งทุกอย่างให้มันถูกต้อง อะไรที่เราไม่ได้ทำแล้วเขาพูด หรือว่าเขาพูดทำไม่ได้ก็อยากให้รับผิดชอบให้มันถูกต้องด้วยค่ะ (จำนวนเงินที่บอกว่าไม่ถูกต้องเยอะมากไหม) เยอะมากค่ะ(ยิ้ม) แต่ไม่ขอพูดถึงค่ะ”
      
       “ทำงานด้วยกันก็ไม่อึดอัดใจเลยค่ะ ชินแล้ว ก็เป็นโปรเฟสชั่น แนลทั้งคู่ บีว่าทำได้อยู่แล้วค่ะ เรื่องทำงานด้วยกันก็ทราบอยู่แล้วค่ะ เพราะก่อนหน้านี้มันมีถ่ายหนังสือ 35 ปี ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าใครทำงานบ้างค่ะ ไม่ต้องเตรียมใจหรอกค่ะ บีเฉยๆ มาก จริงๆ ชิลมากค่ะ สิ่งที่อยากได้คืนในการไกล่เกลี่ยคืออะไรที่เขาทำไม่ถูกต้อง แล้วบีอยากให้เขาทำให้ถูกต้อง เรื่องเงินเป็นประเด็นน้อยมาก หลายๆอย่างค่ะ”
      
       ยันไม่ได้อยู่เบื้องหลังสร้างเพจแอนตี้โย ส่วนตนอยากได้ความยุติธรรม ไม่แฟร์โดนเอาขี้มาป้าย
       “จะไปทำได้ยังไงคะ คือบีไม่ได้รู้เรื่้องเลย เห็นแท็กมา เราอ่านแต่เราก็ไม่ได้ไปซัปพอร์ตหรืออะไรก็แล้วแต่ ใคร จะแอนตี้ใครก็ไม่รู้ ไม่ได้ฟอลโลว์ด้วยค่ะ เข้าไปดูไปเช็กได้ค่ะ ส่วนฉายาจากนักข่าวก็เฉยๆ ไม่เห็นแรงเลย นึกว่าจะแรงกว่านี้(ยิ้ม) เรื่องมันยังจบไม่ได้เพราะบีว่าบีไม่ได้ทำอะไรผิด อย่ามองว่าบีรังแกใคร แล้วบางทีก็อยู่ที่คนพิจารณา แล้วสุดท้ายคือเมื่อบัญชีมันปิดเดี๋ยวก็รู้เองว่าเป็นยังไง สิ่งที่ต้องการคือความถูกต้องที่สุดเท่านั้นเอง เอาเป็นว่าถ้าบี ไม่ได้ทำ แล้วคนเอาขี้มาป้ายอย่างนี้ บีรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรม ถ้าไกล่เกลี่ยไม่ได้จริงๆ บีก็คงให้บุคคลที่สามที่สร้างความยุติธรรมให้เราทั้งสองคนได้ ตอนนี้อย่างที่บอกต้องไกล่เกลี่ย ถามว่าเราเปิดใจให้ไกล่เกลี่ยไหม เราเปิดใจ แต่ทางเขาจะรับไหมก็เรื่องของเขา ก็อยู่ที่ทางเขาแล้ว อย่างที่บอกบีไม่ได้คุยเองบีเลยให้บุคคลที่สามของบีเป็นคนกลางไปคุย สิ่งที่บีต้องการตอนนี้มันเป็นเรื่องจิตใจมากกว่า บีมองว่าอย่างนั้น อะไรที่เราไม่ได้ก็ช่วยรับผิดชอบหน่อยเท่านั้น”
      
       “มันเป็นเรื่องจิตใจค่ะ เรื่องเงินไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่อะไรที่เขาพาดพิงถึง บีไม่ได้สนใจหรอก เพราะบีรู้ว่าไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาพูด เรารู้อยู่แล้ว ทุกวันนี้คือไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรต่างๆ มากมาย เพื่อนเรากลับเยอะขึ้น ที่เข้ามาอยู่ข้างเราแน่นอนเกิดปัญหาอย่างนี้ ทำให้แม่รู้สึกแย่ไปด้วย เพราะฉะนั้นอย่างที่บีเขียนในอินสตาแกรมเลยว่า ถ้าใครทำให้ครอบครัวหรือคนที่บีรัก หรือคนรอบข้างที่บีรักเจ็บไปด้วย พูดเลยว่าบีไม่ยอม แน่นอนคนที่เรารักต้องมารู้สึกแย่ไปด้วย ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ ความจริงก็คือความจริง ต่อให้คุณพูดว่าไม่ใน ตอนนี้ แต่ความจริงออกมาเป็นยังไงเดี๋ยวรู้เอง เพราะฉะนั้นขอสรุปสั้นๆ เลยก็คือเราพยายามจะไกล่เกลี่ยนะ เราพยายามจะซอฟท์ที่สุดแล้ว แต่ถ้าเขาไม่รับฟังตรงนี้ บีก็ไม่รู้จะยังไงแล้ว
      
       “แม่เสียใจอยู่แล้ว อย่างที่บอกบุคคลรอบข้างบีถ้าเขาไม่กระทบด้วย บีเฉยๆ ไปเลย ทำ เราทำได้ อย่ามาทำคนรอบข้างเราเท่านั้นเอง อีกอย่างประเด็นคือเราไม่ได้ทำอะไรเลย เราก็เลยรู้สึกว่าทำไมต้องมานั่งรับผิดชอบในส่วนที่เราไม่ได้ทำ อย่างที่เขาโพสต์ข้อความถามว่าได้อ่านไหมก็อ่านค่ะแต่เอาเป็นว่าสิ่งที่เขา เขียน บีไม่ร้อนเลย เพราะว่าบีไม่ใช่คนแบบนั้น(เสียงสั่น) ไม่ว่าเขาจะเขียนอะไรก็แล้วแต่ บีรู้สึกว่าเขาอาจจะเขียนถึงคนอื่นก็ได้ ถ้าเขียนถึงบีก็เอ่ยชื่อสิ แต่ถ้าไม่เขียนถึงบี บีก็รู้สึกว่ามันคงไม่ใช่บีหรอก เพราะทุกวันนี้เพื่อนบีมีเยอะกว่าก่อนที่จะเป็นเรื่องอีก คนรอบข้างมาให้กำลังใจเยอะอยู่แล้ว บีรู้สึกว่าเราเป็นคนยังไงก็อย่างนั้น เราเป็นคนตรงๆ และไม่ตลบแตลงสองหน้าไปมา ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน เพราะฉะนั้นบีชิลมากกับข้อความที่เขาเขียนหรืออะไรแล้วแต่ค่ะ” 







“บี” ซัด “โย” ด่าใครให้ระบุชื่อ ลั่นไม่ใช่คนสองหน้า อโหสิ! มือมืดป้ายขี้ดิสเครดิต
“บี” ซัด “โย” ด่าใครให้ระบุชื่อ ลั่นไม่ใช่คนสองหน้า อโหสิ! มือมืดป้ายขี้ดิสเครดิต
       

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

กูเกิลลุย “กูเกิลไฟเบอร์” เน็ตเร็วขั้นเทพ

กูเกิลลุย “กูเกิลไฟเบอร์” เน็ตเร็วขั้นเทพ
        ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินออนไลน์อย่างกูเกิล (Google) แจ้งเกิดธุรกิจใหม่ด้วยการส่งบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพิเศษหรือ ultra-fast Internet ในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ประเดิมให้บริการในเมืองแคนซัสซิตี ด้วยราคา 70 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ราว 2,100 บาท) โดยผู้ใช้จะได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ “กิกะบิต” เร็วกว่า 100 เท่าตัวเมื่อเทียบกับบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตปัจจุบันที่ให้บริการหลักเมกะบิต เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ปูทางให้บริการเคเบิลทีวีผ่านสายไฟเบอร์ ซึ่งผู้ใช้จะสามารถใช้แท็บเล็ตต่างรีโมตได้ในราคาที่บวกเพิ่มอีกราว 50 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ราว 1,500 บาท)
      
       เควิน โล (Kevin Lo) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจกูเกิลแอ็กเซส (Google Access) โพสต์ข้อความในเว็บบล็อกบริษัทเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ผู้อาศัยในเมืองแคนซัสซิตีสามารถลงทะเบียนเพื่อใช้งาน “อินเทอร์เน็ตซูเปอร์เร็ว” ระดับกิกะบิตผ่านบริการชื่อกูเกิลไฟเบอร์ (Google Fiber) ได้แล้ว พร้อมกับเลือกรับบริการเคเบิลทีวีซึ่งจะเริ่มให้บริการในเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม กูเกิลระบุว่าจะไม่เป็นผู้กำหนดพื้นที่ให้บริการถัดจากแคนซัสซิตี แต่จะเปิดให้ประชาชนที่ต้องการใช้งานร่วมกันลงทะเบียนขอรับบริการ ซึ่งพื้นที่ใดมีจำนวนผู้ลงทะเบียนมากที่สุดภายในวันที่ 9 กันยายน พื้นที่นั้นก็จะเป็นพื้นที่ต่อไปที่กูเกิลจะเปิดบริการกูเกิลไฟเบอร์อย่าง เต็มรูปแบบ
      
       วิธีการแข่งขันกันลงทะเบียนนี้เป็นวิธีเดียวกับที่ทำให้แคนซัสซิตี ถูกเลือกเป็นพื้นที่แรกในการให้บริการ โดยชาวเมืองแคนซัสซิตีพร้อมใจลงทะเบียนกับกูเกิลมากที่สุดจนได้รับชัยชนะ ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว สามารถเอาชนะ 1,100 เมืองที่มีผู้ใช้ลงทะเบียนกับกูเกิลในที่สุด
      
       บริการกูเกิลไฟเบอร์นี้เป็นข่าวมา ตั้งแต่ 16 เดือนหรือประมาณ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จุดประสงค์ของโครงการคือการสาธิตให้โลกเห็นความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยีว่าหน ทางใหม่ของการใช้อินเทอร์เน็ตนั้นไม่จำเป็นต้องทำผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ เคลื่อนที่หรือผู้ให้บริการสายเคเบิลที่มีในท้องถิ่นเท่านั้น ไม่เพียงเวลา แต่กูเกิลยังทุ่มเงินไม่ระบุจำนวนไปกับการพัฒนาโครงการนี้ จนสามารถสร้างเครือข่ายไฟเบอร์ออปติกของตัวเองแก่เมืองแคนซัสซิตีเรียบร้อย
      
       กูเกิลให้เหตุผลที่ต้องจัดแข่งขันลงทะเบียนเพื่อรับบริการกู เกิลไฟเบอร์ว่า กูเกิลไฟเบอร์จะทำงานได้ดีเมื่อชุมชนมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตร่วมกัน ดังนั้น การติดตั้งระบบจึงควรทำเฉพาะบนพื้นที่ที่ผู้บริโภคมีความสนใจมากพอ ทั้งหมดนี้กูเกิลย้ำว่าหากยอดการลงทะเบียนจองเพื่อรับบริการถึงยอดที่ตั้ง ไว้ในแต่ละชุมชน กูเกิลก็จะติดตั้งโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้ฟรีบนอาคารสาธารณะใน ชุมชน เช่น โรงเรียน ห้องสมุด และโรงพยาบาลด้วย
      
       กูเกิลระบุว่าจะทยอยให้บริการกู เกิลไฟเบอร์หลังจากการแข่งขันลงทะเบียนสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน คาดว่าชุมชนที่มีการลงทะเบียนไว้จะได้รับบริการครบถ้วนก่อนปลายปีหน้า (2013) โดยโครงข่ายของกูเกิลเริ่มติดตั้งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
      
       บริการกูเกิลไฟเบอร์ถูกมองว่าจะเป็นบริการที่กูเกิลจะสามารถเปลี่ยน เกมในอุตสาหกรรมให้บริการอินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวีของสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ เจฟฟ์ คาแกน (Jeff Kagan) เชื่อว่าผลกระทบที่จะเกิดจากบริการกูเกิลไฟเบอร์คือการกระตุ้นให้ผู้เล่นใน อุตสาหกรรมให้บริการอินเทอร์เน็ตของสหรัฐฯ จับตาดูความเป็นไปของโครงการโดยละเอียด โดยมองว่าการเข้ามาเล่นในอุตสาหกรรมให้บริการอินเทอร์เน็ตของกูเกิลนั้นสอด คล้องกับทิศทางการเบนเข็มบริษัทเข้าสู่อุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ซึ่งไม่เพียงกูเกิล แต่แอปเปิลก็จะมุ่งขยายธุรกิจในทิศทางเดียวกันด้วยเครื่องไอทีวี (iTV) ซึ่งมีข่าวลือว่าแอปเปิลจะเปิดตัวช่วงปลายปีนี้
      
       อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงหรือบรอดแบนด์ในสหรัฐฯ นั้นถูกบันทึกว่ามีความเร็วเฉลี่ย 5.8 เมกะบิตต่อวินาทีในช่วงไตรมาส 4 ปี 2011 ที่ผ่านมา การเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต 100 เท่าตัวเป็นระดับกิกะบิตนั้นจะทำให้ผู้ใช้สามารถชมรายการทีวีผ่านอินเทอร์ เน็ตได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาพกระตุกเพราะความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่เพียงพอ จุดนี้ทำให้กูเกิลเสนอบริการกูเกิลไฟเบอร์ทีวี (Google Fiber TV) ไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถชมเคเบิลทีวี รวมถึงใช้งานคอนเทนต์ออนไลน์อื่นๆ ได้อย่างถึงใจกว่าเดิม
      
       คาแกนเชื่อว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ของกูเกิลจะทำให้บริษัทผู้ให้บริการเคเบิลทีวีในสหรัฐฯ พร้อมใจเล่นสงครามราคาเพื่อการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ จากการมีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาด ในส่วนตลาดผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คาแกนเชื่อว่าหากผู้เล่นในตลาดสหรัฐฯ มีเพียงเวอไรซอนและเอทีแอนด์ที การแข่งขันของทั้ง 2 จะไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงตลาด ซึ่งจุดนี้กูเกิลสามารถตัดสินใจเข้าสู่ตลาดได้ในเวลาที่เหมาะสม เพราะเวลานี้เป็นช่วงที่อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ระบบครั้งใหญ่พอดี
      
       ราคาให้บริการกูเกิลไฟเบอร์ในแคนซัสซิตีนั้นเริ่มต้นที่ 70 เหรียญต่อเดือนสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 1 กิกะบิตเท่านั้น ยังมีแพกเกจ 120 เหรียญต่อเดือน (ราว 3,700 บาท) สำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ต 1 กิกะบิต และบริการกูเกิลไฟเบอร์ทีวี (Google Fiber TV) แพกเกจ Google TV นี้จะแถมเครื่อง Nexus 7 มาเพื่อให้ผู้ใช้ใช้งานเป็นรีโมตคอนโทรล โดยผู้ใช้สามารถชมช่อง Nickelodeon, Discovery, Bravo, Starz และ Showtime ได้ แต่ยังไร้เงาสถานีระดับโลกอย่าง AMC, HBO, CNN, Fox News และ ESPN ซึ่งกูเกิลระบุว่าสถานีเหล่านี้จะเพิ่มจำนวนแน่นอนในอนาคต และผู้ซื้อทั้ง 2 แพกเกจจะได้รับพื้นที่คลาวด์สตอเรจขนาด 1GB ฟรี
      
       กูเกิลยังเสนอทางเลือกอื่นสำหรับการ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบประหยัด โดยให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วมาตรฐาน 5 เมกะบิตต่อวินาทีโดยไม่มีค่าบริการแก่ผู้ชำระค่าติดตั้งระบบ 300 เหรียญ โดยผู้รับบริการจะได้รับการันตีใช้บริการต่อเนื่องได้ 7 ปี แต่ทั้งหมดจะจำกัดบริการเฉพาะพื้นที่ที่มีผู้ลงทะเบียนใช้งานมากพอเท่านั้น

Cr  :  Manager Online

ฮิตจนต้องปลอมแปลง! “หินสีนำโชค” แฟชั่นความเชื่อของคนอยากดวงดี

ฮิตจนต้องปลอมแปลง! “หินสีนำโชค” แฟชั่นความเชื่อของคนอยากดวงดี
        “หินสีนำโชค” จากความเชื่อสมัยโบราณกลายมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อเหล่าดาราและเซเลบริตีทั่วฟ้าเมืองไทยต่างพร้อมใจกันใส่ข้อมือนี้อวด รูปโฉมลงอินสตาแกรม หลายคนยังแคลงใจว่าแบบไหนคือของแท้ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามีพลังเสริมดวงชะตาได้จริงๆ !?
      
        
       พาเหรดดารา นำเทรนด์!
        
        
       งานนี้จะไม่ให้เกิดเป็นกระแสได้ อย่างไร ในเมื่ออิทธิพลความแรงของหินนำโชคระบาดไปในแวดวง เหล่าเซเลบดังๆ หรือแม้แต่ศิลปินดารา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลนำเทรนด์ ต่างพากันใส่สร้อยข้อมือหินนี้อวดรูปโฉมกันเต็มอินสตาแกรม นอกจากจะช่วยเสริมดวงในเรื่องต่างๆ แล้ว ยังช่วยเสริมลุคให้ดูดีมีสไตล์อีกด้วย
        
        
       ดาราคนแรกๆ ที่ใส่คงหนีไม่พ้นสาวๆ แก๊งนางฟ้าอย่าง “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ”, “เจนสุดา ปานโต”, “คริส หอวัง” ที่เลือกให้หินสีให้เข้ากับลุคสปอร์ตเกิร์ลได้อย่างลงตัวและสวยงาม หรือแม้แต่ซุปตาร์ตัวแม่อย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่สร้างกระแสความนิยมใส่กำไลหินสีนำโชค โดยการเลือกดีไซน์ สีสันสวยงามให้ถูกตาต้องใจตามสไตล์ของตนเอง 
      
       
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับ หินสีนำโชค

      
       

      
       
คริส หอวัง หินสีนำโชค

      
       
อั้ม พัชราภา หินสีนำโชค

      
        
        
       มาทางด้านเซเลบริตีรุ่นใหญ่ “ผึ้ง-สิริยส เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ที่มีความเชื่อของพลังหิน โดยให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์สำนักหนึ่งว่า ตนได้นำหินสีชมพูใสมารักษาคุณแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งบริเวณหน้าอกแล้วมีอาการ ดีขึ้น ขณะที่ตัวหินนั้นมีสีขุ่นลง จึงทำให้ได้รู้ว่าการทำให้หินกลับมาใสอีกครั้งนั้น ต้องล้างหินเคาะกับขันเงินทิเบต หรือนำหินไปตากแดด อาบแสงจันทร์ ล้างกับนํ้าทะเล จะทำให้หินกลับมาใสและมีพลังเหมือนเดิม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์
        
        
       ส่วนไฮโซหนุ่ม “ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” ก็มีความสนใจและเชื่อในพลังของหินเช่นเดียวกัน เนื่องจากทางครอบครัวทำธุรกิจอัญมณี โดยแต่ละปีต้องเปลี่ยนแหวนที่นิ้วเป็นประจำเพื่อเสริมกับดวงชะตาชีวิต ประกอบกับช่วงนี้กระแสหินกำลังมาแรง และมีรุ่นน้องศึกษาเรื่องหินอย่างจริงจัง จึงแนะนำว่าควรมีหินอะไรติดตัวบ้าง จึงจัดหาสร้อยข้อมือหินที่ใส่ติดตัวตลอดเวลา อีกทั้ง ยังนำหินมาตั้งตามโต๊ะทำงาน ห้องนอน และตู้เซฟ เพื่อเน้นในเรื่องของการทำงานอีกด้วย
      
       
ท็อป ณัฏฐเศรษฐ์ กับ หินสีนำโชค
       

      
        
       ทว่า ศิลปินดาราบางคนไม่ขออิงกระแสแฟชั่นเพียงอย่างเดียว แต่จริงจังถึงขั้นเปิดกิจการขายหินนำโชคเพื่อเป็นธุรกิจเสริมให้แก่ตนเอง อาทิ “ป๊อบ-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” พิธีกรชื่อดังมากความสามารถ ที่เพิ่งเปิดตัวธุรกิจเครื่องประดับข้อมือหินไปหมาดๆ โดยเป็นสร้อยหินผูกดวง ที่ไม่เหมือนกับในท้องตลาดทั่วไปซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะได้ “หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา” นักพยากรณ์ชื่อดัง มาเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำ
        
       หรือแม้แต่สาวสวย “ครีม-เปรมสินี รัตนโสภา” ก็หันมาเอาดีทางด้านนี้เหมือนกัน โดยส่งต่อหินคุณภาพดี คัดหินมาแบบสุดพิเศษ ส่งต่อให้ลูกค้าที่ไม่สะดวกไม่ซื้อที่ร้าน ก็นำมาลงขายผ่านทางอินสตาแกรม เรียกได้ว่า ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนต้องเห็นเหล่าคนดังหรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปใส่สร้อย ข้อมือหินนำโชคกันแทบทุกคน
      
       
ป็อป วราวุธ หินสีนำโชค

      
       

      
        
       ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมา “หินนำโชค” คืออัญมณีที่มีความเชื่อกันว่าสามารถเสริมดวงชะตาได้จนกลายเป็นกระแสความฮอต ให้แก่ผู้คนหมู่มาก เพราะเชื่อในพลังของหินที่สามารถช่วยในเรื่องการงาน การเงิน สุขภาพ หรือแม้แต่เรื่องความรัก โดยผู้ใส่อยากจะเสริมทางด้านไหนก็เลือกแบบของหินได้ตามต้องการ
        
        
       ย้อนกลับไป ความเชื่อเรื่องพลังของหินถือว่าเป็นที่นิยมในบ้านเรามานานนับ 10 ปีแล้ว แต่เริ่มกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เนื่องด้วยดีไซน์ที่เก๋และอินเทรนด์ขึ้น โดยในปัจจุบันมีการออกแบบหินให้ดูทันสมัยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เน้นเป็นสร้อยข้อมือที่มีจิวเวลรีแบบอื่นแซมลงไปด้วย ทำให้ดูหรูหราและมีราคามากขึ้น นอกจากสร้อยข้อมือแล้ว ยังมีการดัดแปลงทำเป็นเครื่องประดับหลายแบบด้วยกัน เช่น สร้อยคอ แหวน และต่างหู ยิ่งทำให้เป็นที่สนใจได้ไม่น้อย
       
        
        
       มีเรื่องราวมากกว่าแฟชั่น!
        
        
       ด้วยกระแสความฮอตของหินนำโชคนี้ เอง ทำให้มีผู้ค้ารายใหม่ผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะหันมองไปทางใดก็จะเห็นร้านขายเครื่องประดับนี้พวกนี้อยู่จำนวนไม่ น้อย หรือแม้แต่กระทั่งในโซเชียลมีเดีย “สุจิตรา บุญกิตติพร” หนึ่งในผู้ค้าหินสีรายใหม่จากร้านthe stella stone เธอ ได้บอกเล่ากับทีมข่าวASTV ผู้จัดการLiveว่า การที่หันมาทำธุรกิจนี้เธอไม่ได้โหนกระแส เพียงแต่ตนมีความเชื่อและศรัทธาในตัวหินอยู่แล้ว และอยากมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ลูกค้า
        
        
       “ที่บ้านเป็นคน ที่ชอบสะสมหินกันอยู่แล้วค่ะ เพราะมีความเชื่อว่าหินสามารถมอบพลังให้กับคนที่ชื่นชอบและศรัทธาในตัวหิน และหินยังช่วยในการรักษาคน รักษาโรค หรือว่าการช่วยดลบันดาล เพื่อเพิ่มความสบายใจแล้วก็เป็นการเสริมความมั่นใจและเสริมในสิ่งต่างๆ ที่ขาดหายไป และเนื่องจากว่ามีความรู้เรื่องของหินอยู่แล้ว เพราะว่าอยู่และคลุกคลีกับมันมานานแล้วก็บวกกับศาสตร์ที่ได้เรียนรู้มาก็เลย หันมาจับทำธุรกิจนี้
        
       คิดว่า ตอนนี้จริงๆ แล้วมันก็เป็นเหมือนแฟชั่นระดับหนึ่ง แต่คิดว่าการทำธุรกิจที่มองว่าเป็นแฟชั่นมันก็จะมาแล้วไป แต่สิ่งที่คิดก็คือ หินมันมีเรื่องราวมากกว่าคำว่าแฟชั่น ก็เลยเอาหินบวกกับศาสตร์ ในการดูลักษณะสีและคนเข้ามาเพื่อเป็นเครื่องรางมากกว่าการเป็นแฟชั่นค่ะ
       
        
        
       หินสี หรือหินนำโชคในท้องตลาดบ้านเรามีมากมาย ตั้งแต่ราคาถูกจนถึงราคาแพง นั่นเป็นเพราะ หินมีมากมายหลายแบบด้วยกัน ส่วนหินบางประเภทที่มีราคาหลักร้อย อาจจะเป็นหินแท้แต่ไม่มีความสวยงามเพียงพอ และการที่จะมาทำธุรกิจทางด้านนี้ต้องศึกษาและมีความรู้มากพอที่จะส่งต่อให้ แก่ลูกค้า
        
        
       “หินบางประเภทก็ มีราคาค่อนข้างถูกอยู่แล้ว บางหินอาจจะเป็นหินจริงๆ แต่ว่ามันเป็นหินใหม่ที่ยังไม่มีความสวยงามที่เพียงพอ ก่อนที่จะมาเริ่มขายก็สงสัยว่าทำไมบางร้านขายหินถูกจังก็เลยได้ทราบว่า หินมันมีตั้งแต่หินใหม่ หินเก่า หินสังเคราะห์ ที่ทำขึ้นมาจากวิทยาศาสตร์ด้วย ก่อนจะหันมาจับธุรกิจนี้อย่างจริงจังก็ได้มีการเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาสตร์ทางด้านนี้ด้วย ทำให้รู้ว่าหินแต่ละชนิดมีพลังงานยังไง สามารถมอบให้แก่คนประเภทไหน สามารถแก้ไขในเรื่องราวใดๆ หินชนิดนี้มีเรื่องราวยังไง
        
        
       เพื่อเป็นการเล่า ให้ลูกค้าฟังว่าหินไม่ใช่แค่ก้อนกลมๆ ที่เป็นกำไลให้แก่ลูกค้า แต่ว่าหินมันมีเรื่องราวที่มากกว่านั้น เราจึงอยากให้ลูกค้าเข้าใจแล้วทราบถึงความเป็นมาของหินและสิ่งที่หินจะให้ ต่อลูกค้าค่ะ และเราไม่ได้ขายเพราะแฟชั่นหรือความสวยงาม บางคนเข้ามาเพื่อความสวยงามก็จริง แต่พอเราถามหินชนิดนี้ไม่เหมาะนะ เราก็ไม่ได้ขายให้แก่ทุกคน”
        
        
       ส่วนตระกูลหินที่เป็นที่นิยมมาก ที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นหินตระกูลไหม เนื่องจากหินประเภทนี้มีความสวยงามอยู่ในตัวอยู่แล้ว และเพิ่มความมหัศจรรย์มากขึ้นเมื่อใส่ไปนานๆ หินจะได้รับอุณหภูมิของตัวผู้ใส่ ทำให้เส้นไหมจะมีมากขึ้น ส่วนตัวหินเองก็จะมีความใสเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
        
        
       “ตอนนี้ก็จะมีหิน ยอดนิยม เรียกว่าหินตระกูลควอตซ์ และก็หินตระกูลควอตซ์ที่เป็นหินใส หินจำพวกไหมที่มีไหมข้างในซึ่งมีตั้งไหมทอง ไหมเงิน ไหมดำหรือชื่อว่าหินแก้วขนเหล็ก และก็ไหมจักรพรรดิ ไหมนาค มีหลากหลายมากค่ะ แล้วก็พวกหินสีใสๆ ที่เป็นหินสีเดียว เช่น โรสควอสเป็นหินสีชมพูช่วยในเรื่องความรัก และอความารีน หินสีโทนฟ้าใสช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกเย็น สบาย จิตใจสงบ ซึ่งเป็นหินที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้หญิง
        
       ที่ฮิต ที่สุดจะเป็นหินตระกูลไหมเพราะมันมีความสวยงามแล้วคนผู้ใส่จะรู้สึกว่าหิน ไหมมีพลังบางอย่าง และเชื่อกันว่าเป็นหินแห่งความร่ำรวย ตอนที่ซื้อไปใหม่ๆ หินก็จะมีความสวยงามระดับหนึ่ง แต่เมื่อใส่ไปนานๆ ความสวยงามจะเริ่มออกมาเรื่อยๆ เนื่องจากว่าหินได้รับอุณหภูมิของคนไป ทำให้เส้นไหมในหินบางตัวจะมีเพิ่มมากขึ้น หรือมีความชัดเจนมากขึ้น หินจะมีความใสมากขึ้นเนื่องจากใส่ไปเรื่อยๆ ค่ะ”
        
        
       ทว่ายังไม่มีเครื่องพิสูจน์ใดที่ จะบ่งบอกได้ว่าหินสีเหล่านี้มีพลังและสามารถเสริมดวงชะตาให้แก่ผู้ใส่ได้ จริงๆ แต่หากมีความศรัทธาและมีความเชื่อ หินจะส่งพลังให้แก่ผู้สวมใส่เอง
        
       “ลักษณะ ของกำไลหิน จะเป็นหินกลม กลมคือกลมเกลียวไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งลักษณะของตัวกำไลหินเองมีเรื่องราวระดับหนึ่งแล้ว อาจจะพิสูจน์ไม่ได้จากการบอกเล่าค่ะ แต่เชื่อว่าในเมื่อเรามีความศรัทธากับสิ่งใดมากๆ และเรามีความเชื่อในสิ่งที่เรานำมาเป็นเครื่องรางให้แก่ตัวเราเองในการเสริม สร้างในสิ่งที่เราขาดหายไป และเมื่อเรามีความรู้สึกมั่นใจ หินจะส่งพลังให้แก่ผู้ที่สวมใส่เองค่ะ” 
       
       
       ระวัง! หินปลอม โกยเงินจากศรัทธา
       
       ความจริงแล้วความเชื่อเรื่องหินมี มานานถึง 10-20 ปี ด้วยกัน แต่เนื่องจากตอนนี้ดาราบ้านเราหันมาทำธุรกิจเลยกลายเป็นกระแสให้ผู้คนกลับมา สนใจอีกครั้ง และนี่คือประวัติศาสตร์หินจากผู้รู้ “อ.อรรถพล น้อยวงศ์” (หมอมีน ตีสิบ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหิน และการบำบัดด้วยหิน (Stone Therapy) ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าวว่า
       
       “ต้องบอกก่อนว่า เรื่องหินมันมีคนเชื่ออยู่เป็นกลุ่มที่ใหญ่อยู่ตั้งนานอยู่แล้ว มีคนเล่นเรื่องหิน หรือสนใจเรื่องหินที่เป็นกลุ่มและเล่นจริงๆ มีมา นานอยู่แล้วครับประมาณ10 -20 ปีแล้ว แต่ตอนนี้มันจะเป็นในลักษณะที่ว่าคนสนใจเยอะขึ้น เพราะว่าดาราก็มาขายเองด้วย มันก็เลยเป็นกระแส ส่วนหินที่ใช้คือ หินฟอสซิลที่มาจากแหล่งบราซิลกับจีนเป็นแหล่งที่รวบรวมพลังงานที่ดีที่สุดใน โลก แบบนี้ที่เขาเล่นกัน แต่ของคนอื่นผมไม่รู้ว่าเขาเอามาจากไหน เพราะจีนก็มีหลายเขต”
       
       ต้นกำเนิดของหินมาจากทวีปยุโรป เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นเขาศึกษาพลังของหินมาเป็นเวลานาน จึงกลายมาเป็นความเชื่อ และแพร่หลายไปยังคนกลุ่มต่างๆ จนถึงทุกวันนี้
       
       “ด้านยุโรปด้าน ออสเตรีย เขาศึกษาพลังเรื่องหินมาตั้งนานอยู่แล้ว อย่างที่บอกมันเป็นคนเฉพาะกลุ่ม แต่อย่างในประเทศไทยในเรื่องของหินมันก็มีมานานแล้วเหมือนกัน แต่ก็เป็นเฉพาะกลุ่มเหมือนกัน คือเป็นกลุ่มคนที่สนใจแล้วก็ซื้อเยอะ คนชอบหินก็จะซื้อกันใหญ่เลย แล้วมีความสุขจะได้เอามาเพื่อขายหรืออะไรต่างๆ
       
       จริงๆ ก็แล้วทางยุโรปเขาจะดังเรื่องหิน เรื่องไพ่ การทำนายอะไรพวกนี้อยู่แล้ว จริงๆ ใน เรื่องของความเชื่อ ก็ขึ้นอยู่กับตัวหินด้วยหนึ่ง แล้วแต่ความเชื่อ แล้วก็ในลักษณะของความศรัทธาอะไรต่างๆ ก็ช่วยให้ดีขึ้นเท่าที่ผมดูเรื่องนี้ก็ช่วยได้เยอะครับ”
      
       

      
       
       จากที่เป็นกระแสร้อนแรงอยู่ตอนนี้ ทำให้พ่อค้า-แม่ค้าหน้าใหม่ ต่างหันมาจับจ้องทำธุรกิจนี้กันมากขึ้น และปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าผู้ค้าบางรายไม่มีความรู้เรื่องหินด้วยซ้ำ แต่ที่นำมาขายเพียงเพราะอยากโหนกระแสเท่านั้นเอง และเหตุนี้เองทำให้ผู้บริโภคได้รับหินที่ไม่มีคุณภาพกลับไป
       
       
       “มันก็ น่ากลัวเหมือนกันเพราะว่าตอนนี้ หินที่เอามาขายกันแพงๆ อย่างผมทำเรื่องการบำบัดด้วยหิน แล้วก็ใช้หินในการทำนายอยู่แล้วนะครับ ทีนี้แล้วมันกลายเป็นว่าคนขายหินรุ่นใหม่มาบางทีไม่ได้รู้จริง หรือบางทีเรียกชื่อยังไม่ถูกเลย แล้วก็ใช้หินที่ไม่ได้คุณภาพ แล้วมันกลายเป็นว่าตอนนี้กระแสหินที่มาตอนนี้มันทำให้หินแพงขึ้นด้วยซ้ำ จากเดิมที่เราได้ราคานี้มา กลายเป็นว่ากระแสหินมา เราได้ของเกรดเดิม ดีเหมือนเดิมแต่ราคามันต้องเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง”
      
       

      
       
       จะเห็นได้ว่า ณ ตอนนี้ในท้องตลาดบ้านเราหันไปทางไหน คงหนีไม่พ้นร้านเครื่องประดับ และหนึ่งในนั้นจะมีหินนำโชควางเรียงรายอยู่ไม่น้อย ราคาเส้นตั้งแต่หลักร้อย จนถึงเป็นหลักหมื่นเลยก็มี และคงเป็นเรื่องที่ยาก หากจะดูว่าแบบไหนจึงจะเรียกว่าหินแท้หรือหินเทียม และแบบไหนกันที่จะสามารถเสริมดวงชะตาให้แก่เราได้จริงๆ
       
       “ต้องสัมผัสนะ ครับ คนที่ดูต้องเป็นคนมีประสบการณ์ อย่างผมมีประสบการณ์เรื่องหินมาเป็น 10 ปี แล้วนะครับ เราแค่ดูหรือสัมผัสเราก็ทราบแล้ว เดี๋ยวนี้หินมันปลอมกันเยอะมาก ต้องดูหินที่ไม่ลอกเพราะหินมันลอกไม่ได้อยู่แล้ว อย่างเทอร์ควอยซ์ ก็ต้องลอยน้ำเพราะข้างในมันกลวงถ้าจมน้ำมันก็ไม่ใช่ คนธรรมดาก็ตอบยาก ทางที่ดีต้องให้หมอดูหรือคนที่มีความเชี่ยวชาญความรู้เรื่องหินมาดูมากกว่า
       
       ตอนนี้ก็มีหิน หลายอย่างที่ออกมา เช่น ข้อมือ สร้อยคอ แต่ผมจะเน้นแนวหินพลังมากกว่าครับ พกหินใส่ถุง หินก้อนเล็กๆ เราต้องรู้ว่าคุณสมบัติของมันคืออะไรด้วยนะครับ หินพลังจะเป็นหินพกมากกว่าไม่ค่อยทำเป็นข้อมือ เพราะชนทีแตกจะมีปัญหาเลยนะ เวลาที่หินแตกคนก็เข้าใจผิดเพราะคิดว่าแพง พอหินแตกก็ยังใส่ต่อ มันไม่ได้คือเราถือของที่มันแตกไว้กับตัวเองมันจะมีปัญหาถือว่าไม่ดี ส่วน ราคาหิน แพงสุดมันแล้วแต่ไซส์ แล้วแต่ความเก่าแก่ของหินที่เขาเอามา คือหินประดับที่เขาเอามาเจียระไนทำเครื่องประดับก็อีกราคาหนึ่ง เป็นหลักหมื่นก็มี ก็จะเรียกพลังได้มากขึ้น”
       
       นอกจากนี้ ผู้ที่มีความศรัทธาในเรื่องของหินนำโชค ควรศึกษาหาความรู้มาให้ดีก่อนที่จะซื้อ และไม่จำเป็นที่ว่าหินราคาแพงถึงจะดี เรื่องแบบนี้มักขึ้นอยู่กับพลังและความศรัทธามากกว่า ส่วนในเรื่องของปลอมเป็นเรื่องที่ห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่เราควรระวังด้วยตนเอง
       
       "มีของปลอมเยอะ มาก คนซื้อต้องมีความรู้หรือทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องหินมาก่อน ควรซื้อกับคนที่มีความรู้เชี่ยวชาญหรือหมอดูที่เขาทำในเรื่องหินมานาน แต่เราก็ไม่แน่ใจไงว่าที่เขาซื้อเขาต้องการให้มันเป็นแฟชั่นหรือเปล่า ถ้าเป็นแฟชั่นก็จะเน้นเรื่องสวยมากกว่า แต่ถ้าสมมติเป็นจะเน้นในเรื่องพลังก็ต้องศึกษาในอินเทอร์เน็ตก็จะมีเยอะ หรือถามผู้เชี่ยวชาญถามเยอะๆ ก็ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เขาก็ชอบตอบอยู่แล้ว เขาจะไม่ค่อยรำคาญหรอก
       
       คนที่จะ ซื้อหินต้องมีความศรัทธาต้องเชื่อว่าหินเขาช่วยได้นะ ไม่ใช่ว่าใส่ๆ ไป ทั้งที่บางคนที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหินที่ใส่คืออะไร ช่วยตัวเองในเรื่องอะไร ช่วยได้เรื่องอะไรใส่หินก็ควรที่จะเลือกสรรให้ไปในทิศทางเดียวกัน บางคนใส่หินข้อมือ 4- 5 เส้น มันก็ไม่ได้ด้วยกันเลยนะ ไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเวิร์กเท่าไหร่”
       
       สำหรับ ใครที่ชื่นชอบและมีความเชื่อเกี่ยวกับพลังของหินก็สามารถเลือกหามาใส่ได้ตาม ต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การสวมใส่หินนำโชคเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล ที่ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้ว่าแท้จริงแล้วหินเหล่านี้มีพลังและสามารถ เสริมดวงชะตาได้จริงหรือไม่ เพราะฉะนั้น ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนด้วยเช่นกัน



Cr  :  Manager Online
      

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

“วอนบิน” เตรียมกลับมารับงานอีกครั้งหลังพักมานาน 5 ปี


วอนบินใน The man from nowhere

                          The Man From Nowhere หนังเรื่องล่าสุดของ "วอนบิน" ที่เข้าฉายตั้งแต่ปี 2010

ข่าวจากเกาหลีใต้เผยว่าพระเอกชื่อดัง “วอนบิน” กำลังอยู่ระหว่างพิจารณารับหนังเรื่องใหม่ หลังเขาไม่ได้มีผลงานการแสดงเลยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา

 โดยข่าวระบุว่า วอนบิน ได้ เริ่มเจรจากับผู้สร้างหนัง เพื่อการรับงานแสดงอีกครั้งมาตั้งแต่ปลายปีก่อนแล้ว และตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตัดสินใจครั้งสุดท้าย ซึ่งข่าวยังเผยว่า ดาราวัย 37 ปี ได้รับข้อเสนอจากผู้สร้างหนังหลายๆ ราย แต่เขาอยากจะตัดสินใจให้ดีที่สุด หากจะกลับมารับงานอีกครั้ง
     
       วอนบิน ที่เข้าวงการตั้งแต่เมื่อ 18 ปีก่อน และโด่งดังเป็นพลุแตกจากซีรีส์ Autumn in My Heart ได้ ฝากผลงานอันน่าประทับใจเอาไว้ 2 เรื่องก่อนจะหายหน้าหน้าตาไปถึง 5 ปีเต็ม ทั้งหนังดรามาเข้มข้นที่เขารับบทเป็นผู้มีความผิดปกติทางสมองเรื่อง Mother (2009) และหนังแอ็กชั่นอาชญากรรม The Man From Nowhere ที่ เข้าฉายเมื่อปี 2010 โดยเขาเคยเปรยว่าอยากจะเลือกบท ที่ช่วยปรับให้ภาพลักษณ์ของเขาดูไปกันได้กับอายุในปัจจุบันที่สุด ทำให้ระยะหลังจึงมีผลงานน้อยลงมาก
     
       “แต่ถึงอย่างไรผมก็จะมีผลงานใหม่แน่นอนครับ หวังว่าจะถึงวันที่เราจะได้มีความสุขด้วยกัน ผ่านผลงานดีๆ อีกครั้งในเร็วๆ นี้” ดาราหนุ่มขวัญใจสาวๆ กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อปีก่อน
     
       โดยในช่วงเวลาที่พักงาน วอนบิน ยังได้เปิดเผยถึงเรื่องของหัวใจ ด้วยการประกาศว่าเขาได้พบรักกับนักแสดงสาว อีนายอง ที่อยู่ในสังกัดเดียวกัน โดยหลังคบหาดูใจเมื่อปี 2011 ฝ่ายหญิงเองก็หยุดรับงานมาถึง 3 ปีเต็มแล้ว หลังฝากหนังเรื่อง Howling เมื่อปี 2012 เอาไว้เป็นผลงานชิ้นสุดท้าย ก่อนจะพักงาน และรับเฉพาะงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างการถ่ายแบบ หรือถ่ายโฆษณาเช่นเดียวกัน วอนบิน
     
       ซึ่งล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมาต้นสังกัดของทั้งคู่ยังเพิ่งออกมาให้ ข่าวว่านักแสดงทั้งสองคนยังคงคบหาดูใจกันอยู่เหมือนเดิม แม้ระยะหลังข่าวเรื่องความรักจะค่อนข้างเงียบก็ตาม 


“วอนบิน” เตรียมกลับมารับงานอีกครั้งหลังพักมานาน 5 ปี
                 หลังประกาศคบกันเมื่อปี 2011 ทั้ง "วอนบิน" และ "อีนายอง" ก็หยุดรับงานแสดงเหมือนกันทันที

Cr  :  Manager Online
       

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

“เงินยูโร” อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปี หลังพรรคต้านรัดเข็มขัด “กรีซ” คว้าชัยเลือกตั้ง

รอยเตอร์/เอเอฟพี – อเล็กซิส ซีปราส ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซ ให้คำมั่นว่าจะนำพาประเทศหลุดพ้นจากมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดที่ได้สร้าง “ความอัปยศและความเจ็บปวด” ต่อกรีซมานานถึง 5 ปี หลังพรรคฝ่ายซ้ายซีรีซา (Syriza) ของเขากวาดคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (25) ซึ่งทำให้ผู้นำยุโรปออกมาแสดงความกังวลต่ออนาคตของเอเธนส์ และฉุดรั้งเงินยูโรจนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปี
      
       จากผลการนับคะแนนที่ผ่านไปราว 92 เปอร์เซ็นต์ พรรคซีรีซามีแนวโน้มจะได้ที่นั่งในสภา 149 จากทั้งหมด 300 ที่นั่ง และคว้าคะแนนเสียงร้อยละ 36.2 มากกว่าพรรคประชาธิปไตยใหม่ของนายกรัฐมนตรี อันโตนิส ซามาราส ที่กำลังจะหมดอำนาจลงถึง 8.5 แต้ม
      
       แม้ว่า ซามาราส จะออกมายอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยังต้องรอดูผลการเลือกตั้งสรุปที่จะประกาศในช่วงเช้าวันนี้ (26) ว่า พรรคซีรีซาจะสามารถคว้าที่นั่งในสภาได้ถึง 151 จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่
      
       อย่างไรก็ดี เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ซีปราส วัย 40 ปี กำลังจะกลายเป็นนายกฯ คนแรกในกลุ่มยูโรโซนที่ประกาศจุดยืนต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัด ซึ่งสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพื่อปล่อยเงินกู้แก่กรีซ
      
       “กรีซได้ก้าวข้ามมหันตภัยรัดเข็มขัดมาแล้ว เราทิ้งความหวาดกลัวและลัทธิอำนาจนิยมไว้เบื้องหลัง เราได้ผ่านช่วงเวลา 5 ปีแห่งความอับยศและความเจ็บปวดมาแล้ว” ซีปราส กล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนหลายพันคนที่มาชุมนุม ณ กรุงเอเธนส์
      
       ปฏิกิริยาตอบสนองจากตลาดเงินสะท้อนความกังวลที่นักลงทุนมีต่อพรรคซี รีซา ซึ่งประกาศจะเจรจาปรับเงื่อนไขในข้อตกลงกู้ยืมของกรีซ จนอาจก่อความขัดแย้งกับรัฐบาลอื่นๆ ในกลุ่มยูโรโซน
      
       ผลเลือกตั้งในกรีซฉุดเงินสกุลยูโรให้อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปีชั่วระยะเวลาสั้นๆ โดยแตะระดับ 1.1088 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อยูโรในตลาดโตเกียวเมื่อช่วงเช้า ทุบสถิติต่ำสุดตั้งแต่ปี 2003 ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็น 1.169 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโร เมื่อเวลา 0.40 น. GMT
      
       ก่อนหน้านี้ เงินยูโรได้อ่อนค่าลงไปเหลือเพียง 1.1115 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโรในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (23) หลังจากที่ธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) ประกาศนโยบายรับซื้อพันธบัตรเพื่อผ่อนคลายวิกฤตหนี้ของยูโรโซน
      
       เยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยูโรโซนเรียกร้องให้ผู้ นำคนใหม่ของกรีซเคารพเงื่อนไขกู้ยืมมูลค่า 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่กรีซทำไว้กับเจ้าหนี้ “ทรอยกา” อันประกอบด้วยสหภาพยุโรป, ไอเอ็มเอฟ และอีซีบี ซึ่งจะช่วยให้เอเธนส์รอดจากภาวะล้มละลาย ทว่าพลเมืองกรีซก็ต้องยอมที่จะเสียสละครั้งใหญ่ด้วย
      
       ธนาคารกลางเยอรมนี หรือ “บุนเดสแบงก์” เตือนว่า กรีซจำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อที่จะก้าวพ้นวิกฤตการคลังไปให้ได้
      
       ซีปราส ยืนยันว่า ตนพร้อมจะให้ความร่วมมือกับผู้นำกลุ่มยูโรโซนเพื่อทางออกที่ “เป็นธรรมและได้ประโยชน์ทุกฝ่าย” แต่คุณภาพชีวิตของพลเมืองกรีซจะต้องมาก่อน
      
       “สิ่งแรกที่เราจะทำคือการเยียวยารักษาบาดแผลจากวิกฤต... สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือการกอบกู้ศักดิ์ศรีที่ประเทศชาติและประชาชนของเรา สูญเสียไป”
      
       ซีปราส สัญญาว่าจะรักษาสมาชิกภาพของกรีซในยูโรโซนต่อไป และผ่อนปรนท่าทีแข็งกร้าวลงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นการก้าวสู่อำนาจของเขาก็ยังถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับ แนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้สินที่ยูโรโซนกำลังใช้อยู่
      
       นักวิเคราะห์มองว่า ชัยชนะของพรรคซีรีซาในกรีซอาจกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่พรรคต่อต้าน มาตรการรัดเข็มขัดอื่นๆ ที่กำลังมาแรงในยุโรป โดยเฉพาะพรรค “โปเดโมส” (Podemos) ในสเปน และขณะเดียวกันก็ “เข้าทาง” ของผู้นำคนสำคัญในยุโรป เช่น ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรี มัตเตโอ เรนซี แห่งอิตาลี ซึ่งเห็นว่านโยบายจำกัดจำเขี่ยงบประมาณไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจของยุโรปเติบโต
      
       ซีปราส จะต้องเตรียมตัวรับศึกหนักหลายด้าน รวมไปถึงการเจรจากับหุ้นส่วนในยุโรป โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี
      
       ทั้งนี้ หากพรรคซีรีซาไม่สามารถคว้าที่นั่ง ส.ส. เกินครึ่งหนึ่งของสภาก็จะต้องเจรจาจับขั้วกับพรรคเล็กๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งพรรคอินดิเพนเดนต์กรีกส์ และพรรคสายกลาง โต โปตามี ได้ประกาศแล้วว่า พร้อมสนับสนุนรัฐบาลพรรคซีรีซาที่ไม่เอามาตรการรัดเข็มขัด
      
       อย่างไรก็ดี นั่นเท่ากับว่าพรรคซีรีซากำลังพาตัวเองไปสู่สถานะ “ตัวประกัน” ที่จะต้องปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อรักษาเสียงสนับสนุน และก่อให้เกิดคำถามสำคัญว่า รัฐบาล ซีปราส จะอยู่ได้นานเพียงใด 


 “เงินยูโร” อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปี หลังพรรคต้านรัดเข็มขัด “กรีซ” คว้าชัยเลือกตั้ง

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ไม่น้อยหน้า !? WhatsApp เปิดบริการ WhatsApp Web แล้วจ้า !!

WhatsApp Web

WhatsApp เรียกได้ว่าเป็น 1 ในโปรแกรม Chat ยอดฮิตที่โด่งดังมากในต่างประเทศ และช่วงนี้ก็ถือว่าทางประเทศไทยนั้นได้เริ่มมีกระแสการใช้งานเข้ามาเพิ่ม ขึ้นมาก (สังเกตได้จากโฆษณาบนรถไฟฟ้า :) ) บอกได้เลยว่าหากฝั่งตะวันออกมี LINE เป็นพื้นฐานแล้วล่ะก็ ทางฝั่งตะวันตกก็มี WhatsApp เป็นพื้นฐานเช่นเดียวกัน

และเมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ทาง Blog ของ WhatsApp ก็ได้มีการประกาศ 1 ในสิ่งที่ทั่วโลกต่างรอคอย นั่นคือ WhatsApp Web หรือระบบใช้บริการ WhatsApp ผ่าน Browser ต่าง ๆ นั่นเอง !!
โดยทาง WhatsApp ก็ได้กล่าวออกมาว่า “วันนี้ (23 มกราคม) เป็นครั้งแรกสำหรับผู้คนนับล้าน ที่จะได้ใช้งาน WhatsApp สำหรับ Web Browser ของคุณ สำหรับผู้ที่เคยใช้งานอยู่แล้ว ตัว WhatsApp Web จะเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนข้อความบนมือถือออกมาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ของ ท่าน ซึ่งนั่นหมายความว่า ข้อความทั้งหมดที่คุณได้รับบนหน้าจอคอม จะยังคงแสดงผลบนหน้าจอมือถือของคุณเช่นเดิม”
และทางเขาได้แนะนำวิธีการเชื่อมต่อกันระหว่างมือถือกับ Web Browser มาง่าย ๆ เพียงแค่การกดเข้าไปที่หน้า https://web.whatsapp.com ผ่าน Google Chrome คุณจะเห็น QR Code ให้ทำการ Scan เข้าไป เพียงแค่นี้คุณก็จะสามารถใช้งาน WhatsApp บน Google Chrome ได้อย่างง่ายดาย สามารถใช้ได้ทั้งบน Android, Windows Phone, BlackBerry, BlackBerry 10 รวมไปถึง Nokia s60 ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Symbian ก็สามารถใช้งานได้เช่นกัน
แต่งานนี้ทาง iOS ได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากเหตุ Apple Platform Limitation หรือการจำกัดสิทธิ์การใช้งานนอกเหนือจากอุปกรณ์ของทาง Apple นั่นเอง…

Cr  :   beartai.com

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

Microsoft เปิดตัว Windows 10 อย่างเป็นทางการ ระบบปฏิบัติการเดียวสำหรับทุกอุปกรณ์ของ Microsoft

เปิดตัวแล้วตามคาดครับสำหรับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นต่อไปของ Microsoft ที่เป็นก้าวแรกของการรวมกันของระบบปฏิบัติการทั้งหมดของ Microsoft ภายใต้รหัสที่เรารู้จักกันในนามว่า Threshold
แต่สิ่งที่ผิดคาดคือชื่ออย่างเป็นทางการของระบบเวอร์ชั่นต่อไปนี้ ที่ Microsoft เรียกมันอย่างเป็นทางการว่า Windows 10 (ส่วนตัวผมให้ความรู้สึกเหมือน OSX พอสมควร)


Windows_10_Product_Family

Windows 10 จะเป็นระบบปฏิบัติการที่รวมออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์และ ทุกขนานหน้าจอรวมถึงทุกๆรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานร่วมกับหน้าจอทัชสกรีน หรือร่วมกับเมาส์และคีย์บอร์ดตามปกติ นอกจากนี้นักพัฒนายังสามารถสร้างแอพแบบ Universal app ให้สามารถใช้งานได้กับทุกๆอุปกรณ์ที่ใช้งานระบบ windows 10 นี้ได้ทันที
ในแง่ของการใช้งาน Microsoft ได้ออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับการใช้งานระบบ Windows 7 มากที่สุด โดย Microsoft ให้เหตุผลว่า เพราะคนหลายล้านคนยังใช้งานระบบ Windows 7 อยู่ และ Microsoft ต้องการให้คนเหล่านี้เปลี่ยนมาใช้ระบบ Windows 10 ได้อย่างง่ายดายและไม่ขัดต่อความรู้สึกมากนัก แต่ยังคงหลายๆอย่างของ Windows 8 เอาไว้อยู่ (เช่นแอพแบบ modern หรือหน้าจอ modern UI บางส่วน)


windows10startmenu6_1020_verge_super_wide
windows10startmenu5_1020_verge_super_wide


หรือถ้าจะให้สรุปก็คือ Windows 10 จะเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง Windows 7 และ Windows 8 นั่นเอง

ความเปลี่ยนแปลง การกลับมาของ start menu
windows10startmenu3_1020_verge_super_wide

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ การนำปุ่ม start menu แบบใน Windows 7 กลับมาและการนำหน้าจอ modern/metro บน Windows 8 ออกไป ทั้งนี้จะบอกว่า Microsoft เอาหน้าจอ Modern ของ Windows 8 ออกไปทั้งหมดคงไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะ Microsoft ได้จับเอา start menu และ modern UI มารวมกันเป็น start menu ของ Windows 10 นั่นเอง
Live tiles และการเรียกใช้งานแอพแบบ modern (แบบใน Windows 8) จะยังคงอยู่ (ดังภาพ) ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับขนาดและปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับตัวเองได้เช่นเดิม
vrg_1110

แต่วิธีการใช้งานแอพแบบ modern หรือแอพที่ติดตั้งผ่าน Windows store จะเปลี่ยนไป จากเดิมที่ระบบจะสลับหน้าจอไปมาระหว่าง desktop แบบปกติไปเป็นหน้าจอแบบ modern แต่ใน windows 10 การใช้งานนี้จะเปลี่ยนไป โดยเราสามารถย่อหน้าต่างการใช้งานแอพแบบ modern บนหน้าจอ desktop ได้เลย (ตามรูป) นั่นทำให้การใช้งานแอพแบบ modern และแอพแบบ desktop จะไม่มีความต่างกันมากในความรู้สึกเหมือนบน Windows 8
VRG_1095.0

ระบบ task view ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนกับคุณสมบัติ Expose บน OSX ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้เราสามารถจัดการแอพที่ทำงานอยู่ในรูปแบบ multi-tasking ได้
Windows_10_Screenshot2

นอกจากนี้ยังมีระบบ Multiple desktop ที่เป็นเหมือนกับระบบ sand box ส่วนตัวที่เราสามารถสร้าง desktop สำหรับการทำงานเฉพาะที่เราต้องการได้หลายๆ desktop และสามารถสลับไปมาระหว่างแต่ละ desktop ได้ทันที และมีระบบ snap view ที่เราสามารถเลือกเปิดโปรแกรมหรือแอพไว้ข้างๆกันได้สูงสุดถึง 4 แอพ
รายละเอียดอื่นๆนั้น Microsoft ยังเปิดเผยออกมาไม่หมด เพียงแต่ระบุว่า Windows 10 ที่เปิดตัววันนี้นั้น เป็นเพียงระบบในเวอร์ชั่นแรกๆของการพัฒนาเท่านั้น (early build) ส่วนระบบปฏิบัติการ windows 10 รุ่นวางขายจริงคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ช่วงหลังจากกลางปีหน้าเป็นต้นไป
นอกจากนี้ Microsoft ยังปล่อยวิดีโอแนะนำคุณสมบัติใหม่ๆใน Windows 10 ด้วยตามนี้ครับ

 
ส่วนโครงการสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสระบบปฏิบัติการ Windows 10 ก่อนใครที่ Microsoft เรียกว่าโครงการ “Insider Program” นั้น Microsoft จะเปิดให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งสำหรับระบบ Windows 10 Technical Preview ได้ในช่วงวันนี้ (พุธที่ 1 ตุลาคม) เป็นต้นไป
ผู้สนใจที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ Insider Program ก็สามารถลงทะเบียนได้จากที่นี่ครับ

แล้วส่งผลอย่างไรกับผุ้ใช้ Windows phone?
Windows_10
Microsoft ยืนยันแล้วว่าสำหรับผู้ใช้ windows phone นั้น อัพเดทระบบครั้งใหญ่ครั้งต่อไป จะเป็นการอัพเดทระบบเป็น windows 10 เช่นกัน เพราะฉะนั้นผู้ที่ใช้งานระบบ Windows phone 8.1 อยู่ อัพเดทระบบครั้งต่อไป จะได้ก้าวกระโดดไปเป็น Windows 10 เช่นกัน (แต่แน่นอนว่าระบบ Windows 10 สำหรับระบบปฏิบัติการมือถือจะไม่มีหน้าจอการใช้งานแบบ desktop mode ครับ)

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเฉพาะสำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการ โทรศัพท์มือถือโดยตรงยังไม่มีการระบุออกมา ซึ่งเราคงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป พร้อมๆกับที่ Microsoft จะเปิดเผยรายละเอียดของระบบ windows 10 มากขึ้น ในงาน BUILD 2015 ช่วงต้นปีหน้าต่อไป

Cr : appdisqus

สถานีโทรทัศน์ BBC เตรียมฉายสารคดีที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อให้เกิดกระแสถกเถียงขอชาวเน็ตทั้งไทยและเทศว่าสารคดีชุดนี้กล่าวเกินจริงหรือไม่

สถานีโทรทัศน์ BBC ช่อง 3 ของอังกฤษเตรียมออกอากาศสารคดีชุดใหม่ชื่อ "Bangkok Airport" ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 6 ตอน ตอนละ 60 นาที โดยสารคดีดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการให้บริการของเจ้าหน้าที่ใน "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" และนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ 
 
จากตัวอย่างของสารคดีชุดนี้ เปิดมาด้วยภาพพนักงานต้อนรับของสนามบินสุวรรณภูมิที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวทักทายว่า "Welcome to Thailand" หรือ "ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย" ก่อนตัดเข้าสู่ข้อความว่า "Welcome to The Airport of Smiles" หรือ "ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามบินแห่งรอยยิ้ม" และเมื่อตัวอย่างของสารคดีชิ้นนี้ดำเนินมาถึงวินาทีที่ 8 ก็เข้าสู่เนื้อหาอันหักมุมของสารคดี เพราะจากภาพการต้อนรับขับสู้ของเจ้าหน้าที่แล้ว กลับกลายเป็นภาพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประสบปัญหาจากการให้บริการของเจ้า หน้าที่สนามบิน 
 แต่ไคลแม็กซ์สำคัญของตัวอย่างสารคดีชุดนี้คือ พนักงานต้อนรับซึ่งได้รับรางวัลจากสนามบินกล่าวออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า "I love tourists" หรือ "ฉันรักนักท่องเที่ยว" ก่อนตัดภาพเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนหนึ่งหันมาพูดกับกล้องว่า "คุณจะไม่เห็นผมมาเหยียบประเทศไทยอีกครั้งอย่างแน่นอน" ก่อนตัดภาพเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกล่าวคำว่า "Smile"

สารคดีชุดนี้ถ่ายทำในระหว่างที่กลุ่ม กปปส. ชุมนุมขับไล่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งขู่ว่าจะปิดสนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมาก รู้สึกไม่ปลอดภัยและต้องการออกจากประเทศไทยโดยเร็ว

เมื่อตัวอย่างของสารคดีชุดนี้ถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ยูทูบและเพจเฟซบุ๊กของ สำนักข่าวโคโคนัทแบงคอก ชาวเน็ตทั้งไทยและเทศได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อคลิปดังกล่าวเป็นสองกระแส โดยหลายคนระบุว่า สุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่ให้บริการได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ได้แย่อย่างที่สารคดีพยายามนำเสนอ บางรายเปรียบเทียบว่าสนามบินกรุงจาการ์ตายังแย่กว่าหลายเท่า หรือแม้แต่สนามบินฮีทโธรว์ของอังกฤษยังสู้สุวรรณภูมิไม่ได้เลย

ส่วนอีกฝ่ายที่ไม่ชอบการให้บริการสนามบินสุวรรณภูมิถึงกับโพสต์ข่าวที่ ระบุเตือนนักท่องเที่ยวถึงสนามบินในประเทศไทยเลยทีเดียว ตรงกันข้าม คนไทยส่วนใหญ่กลับแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากชาวต่างชาติว่า สารคดีชุดนี้อาจจะถูกแบนในไทยเพราะรับความจริงของสนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้

สารคดีดังกล่าวก่อให้เกิดการถกเถียงว่า แท้จริงแล้วสนามบินสุวรรณภูมิให้บริการนักท่องเที่ยวดีจริงไหม หรือว่า BBC กล่าวเกินจริงและไม่นำเสนอการให้บริการอย่างดีเยี่ยมของพนักงานในอีกด้าน อย่างไรก็ตาม สนามบินสุวรรณภูมิเคยได้รับการจัดอันดับจากสภาท่าอากาศยานสากลหรือ ACI  ว่าเป็นสนามบินที่ดีที่สุดลำดับที่ 6 ของโลกประจำปี 2556

Cr  :  Voice TV

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

ช่อง 3 โบ้ย "สีสันบันเทิง" ทำเอง ขึ้นกราฟฟิกทับโลโก้ช่อง 8

ช่อง 3 โบ้ย สีสันบันเทิง ทำเอง ขึ้นกราฟฟิกทับโลโก้ช่อง 8
        ช่อง 3 ขึ้นตัววิ่งขอโทษช่อง 8 หลังทำกราฟฟิกทับโลโก้อีกฝ่าย โบ้ยมาจากตัวรายการ ช่องไม่รู้ ลั่นไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก
      
        ดูท่าจะกลายเป็นประเด็นขึ้นมาแล้วจากกรณีที่รายการ "สีสันบันเทิง" ของช่อง 3 นำเสนอข่าวสัมภาษณ์คนบันเทิงที่ไปร่วมงานบวชนักแสดงในสังกัด "เคน ภูภูมิ" ด้วยการขึ้นกราฟฟิกโลโก้ช่องตัวเองทับไปตัวบนโลโก้ที่ติดบนไมค์ของ "ช่อง 8" จนเรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์
      
        ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ "โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง" ผอ. สายงานโทรทัศน์ บริษัท อาร์เอสฯที่ได้ทวิตข้อความว่า..."วันนี้ นั่งดูทีวีความเคลื่อนไหวของช่องอื่นๆ เลยโทร.ไปว่าลูกน้อง ว่า ทำไมไม่มีหัวไมค์ช่อง 8 ที่งานพระเคน เห็นแต่ช่องสบายดี..แล้วทำไมลูกน้องเราไปถือไมค์ให้ช่องน้อยสี..แล้วไมค์ ช่อง 8 หายไปไหน ใครช่วยหาหน่อยคราบบบบ”
      
        เช่นเดียวกับ 2 พิธีการ "บันเทิง 108" โดย "เอิ๊ก พรหมพร ยูวะเวส" และ “พจน์ อานนท์” ที่นำเรื่องนี้ไปวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อน โดยระบุว่าทำไปเพื่ออะไร หากไมค์ช่อง 3 โดนช่อง 8 ทำแบบนี้บ้างจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมซัดคนมีจรรยาบรรณไม่ทำกัน เป็นถึงสื่อระดับยักษ์ใหญ่ ทำแบบนี้เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก อาชีพเดียวกัน เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันดีกว่า
      
        ทั้งนี้ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมาในส่วนของหัวเรือใหญ่อาร์เอสฯ เจ้าของช่อง 8 เองอย่าง "เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ก็ได้ทวิตข้อความส่วนตัวเช่นกัน โดยเจ้าตัวระบุว่าการแข่งขันที่ใช้วิชามารและไร้สติของบางช่องนั้น นอกจากจะน่าอายและไร้ศักดิ์ศรีแล้วยังสร้างบรรทัดฐานต่ำๆ ซึ่งแม้เจ้าตัวจะไม่ระบุว่าเป็นใครที่กระทำดังกล่าวแต่ก็เป็นที่คาดเดาได้ ไม่ยากแต่อย่างไร

 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นออกมา ล่าสุดทางช่อง 3 เองก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้แล้วด้วยการขึ้นเป็นตัววิ่งแสดงความเสียใจ และขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมกับระบุว่าการกระทำดังกล่าวมาจากรายการ "สีสันบันเทิง" เอง ก่อนบอกจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
      
        สำหรับเรื่องราวเกาเหลาชามโตของช่อง 3 และช่อง 8 นั้นก็มาจากการที่ก่อนหน้านั้นทาง “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” เองเคยวิพากษ์วิจารณ์กรณีช่อง 3 อนาล็อกไม่ยอมออกอากาศคู่ขนาน จนเป็นสาเหตุที่ช่อง 3 ออกมาตรการห้ามเด็กในสังกัดไปร่วมงานกับช่อง 8 โดยเด็ดขาดนั่นเอง ซึ่งก็คงจะต้องรอดูกันต่อไปว่ามวยคู่นี้จะมีการปล่อยหมัดเด็ดอะไรออกมาให้ดู กันอีก 





ช่อง 3 โบ้ย สีสันบันเทิง ทำเอง ขึ้นกราฟฟิกทับโลโก้ช่อง 8







ช่อง 3 โบ้ย สีสันบันเทิง ทำเอง ขึ้นกราฟฟิกทับโลโก้ช่อง 8





 
Cr  : คัดบางส่วนมาจาก Manager Online




วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

“วัลลี” ร่ำไห้! เสียใจถูกตราหน้าขายชีวิตแม่แลกเงิน ด้าน “ตุ๊กกี้” รุดกราบขอขมา

 “วัลลี” ร่ำไห้! เสียใจถูกตราหน้าขายชีวิตแม่แลกเงิน ด้าน “ตุ๊กกี้” รุดกราบขอขมา

   “วัลลี” ร่ำไห้! เปิดใจครั้งแรก ซัดรายการดังตลกนักหรือเอาความพิการของแม่ไปล้อเลียน เสียใจโดนตราหน้าขายชีวิตแม่แลกเงิน ลั่นทิ้งโปสเตอร์หนัง ปรึกษาครอบครัวเปลี่ยนชื่อหวังปิดตำนานวัลลี อยากอยู่อย่างสงบ วอนผู้ผลิตมีมนุษยธรรม อย่าเห็นแก่ตัว ด้าน “ตุ๊กกี้ ชิงร้อย” รุดกราบขอขมา
     
       จากกรณีที่ “วัลลี บุญเส็ง” หรือ “วัลลี” ยอดกตัญญู ได้เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดผู้ผลิตรายการ 3 รายการฐานหมิ่นปะมาท เหตุนำเรื่องราวของตนมาล้อเลียนผ่านรายการตลก และหนึ่งในนั้นคือรายการชิงร้อยชิงล้านของ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” ซึ่งในเวลาต่อมาเสี่ยตาได้เข้าไปเจรจาและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนคู่กรณีได้ถอนฟ้อง แต่ในฐานะนักแสดงที่รับบทเป็นวัลลี “ตุ๊กกี้ ชิงร้อย” สุดารัตน์ บุตรพรม น้อมรับผิด โดยเปิดใจว่ารู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและอยากเข้าไปกราบขอโทษอีกฝ่าย
     
       ล่าสุดวันนี้ (19 มกราคม 2558) “ตุ๊กกี้” ก็ได้โพสต์ภาพในอินสตาแกรม เป็นภาพที่ตนเองก้มกราบขอขมาวัลลี พร้อมระบุข้อความ “กราบพี่วัลลีที่เมตตาหนูค่ะ” ซึ่ง สาวตุ๊กกี้เดินทางไปถึงบ้านของอีกฝ่ายที่จ.สมุทรสงคราม เพื่อขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยการเจรจาผ่านไปด้วยดี แต่ถึงแม้วัลลีจะถอนฟ้องรายการ ในเรื่องความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ก็ยังคงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการต่อไป
     
       ปรากฏว่าในช่วงเย็นของวันนี้ วัลลีก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะข่าวเด่น ทางช่อง 3 ดำเนินรายการโดย “สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา” ระบุว่าการแสดงของตลกที่รับรู้ที่เห็นและอดทนมีมาตั้งแต่ปี 40 จนทนไม่ได้ ปี 50 ตนจึงเริ่มฟ้องร้องเพราะรับไม่ไหว ฟ้องไปหนึ่งรายการแต่ไม่เป็นข่าว แต่ปรากฏว่าไม่จบ มาเจอคราวนี้ 3 รายการเลยทนไม่ได้ เพราะเกินที่จะรับได้แล้ว ที่เห็นตัวเองเป็นปัญญาอ่อนบ้าๆ บอๆ ในทีวี แล้วเอาความพิการของแม่ตนไปล้อเลียน มันขำ มันตลกหรือกับมุกตรงนี้
     
       นอกจากนี้วัลลียังขอให้เห็นใจ เพราะตนไม่ได้อยากดัง ไม่ได้อยากออกสื่อ ไม่ได้สร้างกระแส ไม่ได้อยากได้เงิน เพราะชีวิตนี้เลี้ยงตนเองได้ แต่ลูกสามีต้องเดือดร้อน คนรอบตัวมองว่าตนเอาเรื่องนี้ไปขายให้ตลกทำรายการทีวีเพราะคิดว่าการที่จะ เอาเรื่องตนไปทำต้องขออนุญาต ตนเพิ่งทราบว่าคนมองแบบนี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิต เพิ่งจะนั่งร้องไห้ว่าไม่ได้เอาไปขาย เป็นการละเมิด เพราะขนาดครูที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เด็กยังเข้าใจผิด มันทำให้ตนเจ็บปวด ใครจะรับผิดชอบ(ร้องไห้)
     
       “อยากให้เป็นข่าวเพราะอยากแก้จุดด่างตรงนี้ เพราะคนอยู่รอบ ตัวยังคิดแบบนี้ บางรายการเล่นต่อเนื่องเป็นอาทิตย์ ครูพูดว่าทำไมทำกับบุพการีแบบนี้ คำขอโทษร้อยพันคำที่ให้เรามันแทนความรู้สึกตรงนี้ไม่ได้ ชาวบ้านบางคนพูดแรง ทำไมต้องหากินอย่างนี้ (ร้องไห้) ยืนยันว่าไม่เคยขาย ไม่รู้เรื่องใดๆ ทั้งสิ้นทนมา 20 ปี ฟ้องเงียบๆ ด้วยความเห็นใจผู้กระทำผิด เพราะเขาเป็นคนมีชื่อเสียง ไม่อยากให้เสียชื่อ ปิดได้ก็ปิด คิดว่าพลั้งพลาดไป เป็นห่วงเขาเพราะเขาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม จุดประสงค์ไปแจ้งความคือเพื่อให้หยุดแค่ 3 รายการนี้ อย่าให้มีรายการที่ 4 เพราะเกินจะรับได้ถึงได้ยอมออกสื่อ ยอมเป็นข่าว ชีวิตเราไม่ตลก ไม่ยินยอมให้ไปทำตลกด้วย โดยเฉพาะที่ย้ำทุกครั้งแม่เราไม่ใช่สิ่งที่คุณจะมาล้อเล่น ไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งกับแม่ คุณไม่ต้องมาขอโทษเรา คุณไปขอโทษกับแม่”
     
       “บางรายการจับแม่ซึ่งนอนป่วย เดินข้าม กระทืบ จับเหวี่ยง ร้อยเปอร์เซ็นต์คือมุกป้อนข้าว ซึ่ง รายการนั่งหัวเราะ การแสดงออกมาคือแม่ปัญญาอ่อน คนเป็นอัมพาตแล้วเขาเสียไปนานแล้วจะช้ำใจไหม รู้ว่าเป็นการแสดงแต่มันคือชีวิตเรา อยากย้อนถามว่าถ้าเป็นแม่คุณ คุณรับได้ไหม สมัยก่อนไม่มียูทูป โมโหก็ไม่รู้ทำไง โกรธเราก็จบ ไม่รู้จะทำยังไงกับเขา ก็ปล่อยไป ทุกครั้งที่เห็นก็โมโห แต่คิดว่าคงแค่นี้แล้วเลิกกัน ทุกวันนี้งานแม่บ้านเยอะมากไม่มีเวลาดูทีวี เราไม่รู้ว่าอะไรหรอกจนวันหนึ่งลูกสาวอายุ 15 บอกว่าแม่ไปดูยูทูปบ้างนะ ก็เจอ 3 รายการ ลูกสาวเขาบอกว่าโดนมาเยอะ ลูกชายบอกว่ารู้มานานแต่ไม่กล้าบอก เพราะถ้าแม่เห็นแม่ก็นั่งร้องไห้ สามีก็รู้แต่ไม่มีใครบอกเพราะกลัวเสียใจ”
     
       “แต่ลูกสาวที่มาพูดบอกว่าน่าจะเลิกได้แล้วเพราะเพื่อนชอบส่ง ไลน์รูปตลกมาให้ เพื่อนแซวก็แชร์ส่งกันไป ลูกเขาอาย เสียความรู้สึก เหมือนแม่โดนล้อเลียน เขาก็อดทน แต่ก็ยังมีอีกเรื่อยๆ ไม่เลิกซักทีเลยต้องพูด คนมองว่ารายการเขาเล่นไปตั้งนานทำไมเพิ่งออกมาโวยวาย บอกเลยว่าเพิ่งเห็น ทุกครั้งลูกเราโดนเพื่อนแซวมาตลอด แต่เราไม่รู้ตัว พอเกิดเคสต์วันนี้คิดว่าไม่ผิดที่จะฟ้อง อยากอยู่กับลูกสามีแบบสงบไม่อยากเป็นข่าว ตลอดระยะเวลา 20 ปี ปฏิเสธตลอดไม่ออกรายการเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวเพราะอยากให้เงียบ ไม่อยากให้ตลกเอาไปเล่น ต้องการให้ลืม ขนาดลูกบอกว่าเปลี่ยนชื่อ แล้วแจ้งสื่อว่าปิดตำนานวัลลี จะได้เลิกเล่นตลกซะที นี่คือเรื่องจริงเมื่อวานก็ยังพูดกับสามีว่าจะเปลี่ยนชื่อแล้ว เราคิดว่าถ้าคนลืมตลกจะได้ไม่เอาไปเล่น ชีวิตจะได้สงบเสียที คิดกระทั่งว่าข่าวทิ้งไปหมดเลย เพื่อให้ลืมอดีตไปเลย ทิ้งเพราะความเจ็บปวดที่แม่โดนกระทำ ทิ้งไปจริงๆ ค่ะ โปสเตอร์หนังก็ไม่มี ข่าวเก่าๆ ก็ไม่มีแล้ว วันที่เราเจ็บมากๆ เพราะเราคิดว่าเพราะคำว่าวัลลีทำให้แม่โดนล้อเลียนไม่จบไม่สิ้น(ร้องไห้) ตัวเราไปวิ่งบ้าๆ บอๆ เราให้อภัยได้ เราไม่เจ็บปวด แต่กับแม่เราเจ็บปวดมากจริงๆ เพราะแม่ทุกข์เหลือเกิน คนที่เขาไปแสดงไม่ได้มีความเคารพแม่เราเลยมุ่งแค่ธุรกิจ ฮา ตลกอย่างเดียว ความรู้สึกตรงนี้ใครไม่โดนไม่เข้าใจหรอก เป็นเรื่องความรู้สึก เป็นเรื่องจิตใจ บางทีเพื่อนเจอเล่นกันในคาเฟ่ โอ้โห ยิ่งร้ายแรง เป็นมุกตลกเลย มันก็เจ็บปวดไม่จบไม่สิ้น”
     
       เผยท้อแท้กับความเห็นแก่ตัวของสื่อ ไม่นึกถึงเสรีภาพและจิตใจตน วอนให้มีมนุษยธรรมกันบ้าง
       “สาเหตุหลักๆ ที่เราแจ้งความเพื่อให้หยุดแล้วอย่าให้มีอีกเลย ขอ ความเมตตา หาเรื่องอื่นไปทำเถอะ อย่าหมดมุกจนเอาเรื่องนี้ไปทำ ขอความเมตตาผู้ผลิต ดีใจมากที่ได้พูดวันนี้เพราะมันอัดอั้นมาก ถ้าวันนี้คนไทยจะลืมชื่อวัลลีไปเลยจะเป็นสิ่งที่ดีมาก ทุกวันนี้ท้อแท้มากกับพฤติกรรมของสื่อที่เห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงสิทธิเสรีภาพและจิตใจของคน วัลลีเป็นชีวิตจริงไม่ใช่นิยาย ถ้าทำอะไรให้มีมนุษยธรรมบ้าง จะไม่อนุญาตให้ใครเอาไปทำอีกแล้ว” 


Cr  :  Manager on line

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

"บิ๊กซัน" พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ที่รพ.พระมงกุฎฯ เช้านี้

 
พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีต ผบ.ทบ., ผบ.สส. อดีตวุฒิสภา จ.เลย

วัน ที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผบ.ทบ. ผบ.สส. และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเลย ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ เมื่อเวลา 06.20 น. ที่ผ่านมา ที่รพ.พระมงกุฎฯ 

พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีต ผบ.ทบ. ผบ.สส.


ประวัติ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก เกิดวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2468 เป็น อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเลย

สำเร็จชั้นประถมศึกษาตอนต้นจาก โรงเรียนพรหมวิทยามูล เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน) เลขประจำตัว 3827 สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยม 6 ในปี พ.ศ. 2484 และ โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร เข้าศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารบก รุ่นที่ 5 ระหว่าง พ.ศ. 2487 - 2491 รุ่นเดียวกับ พล.อ.เทียนชัย ศิริสัมพันธ์, พล.อ.บรรจบ บุนนาค และพลอากาศเอกประพันธ์ ธูปะเตมีย์

พล.อ.อาทิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2525 สืบต่อจาก พล.อ.ประยุทธ จารุมณี ที่เกษียณอายุราชการ จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2526 สืบต่อจาก พล.อ.สายหยุด เกิดผล โดยดำรงตำแหน่งทั้งสองควบคู่กัน

ขณะ นั้นตรงกับรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลังโดย นายสมหมาย ฮุนตระกูลได้มีการลดค่าเงินบาท เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2527 ถึง 14.8% จาก 23 บาท เป็น 27 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ พลเอกอาทิตย์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง [2] ทำให้เกิดความบาดหมาง และนำมาซึ่งการไม่ต่ออายุราชการของ พล.อ.อาทิตย์ และการปลด พล.อ.อาทิตย์ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก อย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2529 และแต่งตั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งแทน [3]

หลังจากเกษียณราชการในตำแหน่งผู้ บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาทิตย์ ได้เข้ามาเล่นการเมือง โดยได้ก่อตั้งพรรคปวงชนชาวไทย สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แต่ยังไม่ทันได้ปฏิบัติหน้าที่ ก็ถูกจี้จับตัวโดยคณะ รสช. นำโดยพลเอกสุจินดา คราประยูร ขณะกำลังเดินทางไปเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534

ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พรรคปวงชนชาวไทยของ พล.อ.อาทิตย์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคชาติพัฒนา โดยมี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณเป็นหัวหน้าพรรค

สำหรับชีวิตส่วนตัว พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก มีชื่อที่เรียกเล่นๆ โดยสื่อมวลชนว่า "บิ๊กซัน" เป็นบุตรของ ร้อยตรี พิณ และนางสาคร กำลังเอก ชีวิตครอบครัวสมรสกับ ท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก (3 กุมภาพันธ์ 2474 - 11 มีนาคม 2526)


Cr : Matichon Online

วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

เงินหลวง 67 ล.พ่นพิษ “สมเด็จวัดปากน้ำ” ปลดเจ้าคุณเสนาะจากกรรมการ มส.-เจ้าอาวาสวัดสระเกศ

เงินหลวง 67 ล.พ่นพิษ “สมเด็จวัดปากน้ำ” ปลดเจ้าคุณเสนาะจากกรรมการ มส.-เจ้าอาวาสวัดสระเกศ
สมเด็จวัดปากน้ำ มีคำสั่งปลดพระพรหมสุธี หรือเจ้าคุณเสนาะ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ออกจากกรรมการ มส. ผลจาก สตง. พบความผิดปกติการใช้เงินแผ่นดินงานศพสมเด็จเกี่ยว 67 ล้าน พร้อมปลดออกจากเจ้าอาวาสอีกตำแหน่ง ด้าน “พนม” เผยเตรียมเสนอพระรูปใหม่เป็นกรรมการ มส. ขณะที่ เจ้าคุณเสนาะ ยอมรับคำสั่งผู้บังคับบัญชา
      
       วันนี้ (15 ม.ค.) สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ใน ฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ลงนามในคำสั่งให้กรรมการมหาเถรสมาคมออกจากตำแหน่ง ซึ่งคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ตามพระบัญชาแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม ลงวันที่ 22 กันยายน 2557 แต่งตั้งพระพรหมสุธี เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15(4) แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2)พ.ศ.2535 มีพระบัญชาให้ พระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร ป.ธ.6 น.ธ.เอก) วัดสระเกศ ออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2557 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2558 ผู้รับสนองพระบัญชา นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการนายกรัฐมนตรี
      
       ด้าน นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า คำสั่งให้พระพรหมสุธี เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ออกจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นเรื่องจริง โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ในมาตรา 15(4) ความว่า กรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ (1) มรณภาพ (2) พ้นจากความเป็นพระภิกษุ (3) ลาออก และ (4) สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาให้ออก สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน จำนวน 67 ล้านบาท ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของมหาเถรสมาคม (มส.) และคณะสงฆ์โดยรวม รวมถึงไม่ให้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมอีกต่อไป
      
       “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เห็นว่า สตง. ได้มีหนังสือแจ้งรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่ใช้ในพิธีพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จำนวน 67 ล้านบาท มาอย่างต่อเนื่อง จำนวน 3 ฉบับ โดยฉบับสุดท้าย คือ วันที่ 8 มกราคม 2558 ซึ่ง สตง. ได้มารายงานทางลับโดยตรงกับผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ผมก็อยู่ด้วยในเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นเรื่องลับที่ สตง.มารายงานต่อหลวงพ่อ ผมก็ต้องออกมาจากห้องของท่านด้วย ดังนั้น เรื่องการปลดพระพรหมสุธี มีสาเหตุหลักมาจากตรวจสอบการใช้งบ 67 ล้านบาทของ สตง.” นายพนม กล่าว
      
       ผอ.พศ. กล่าวต่อว่า ขั้นตอนจากนี้ไป จะต้องมีการเสนอพระสงฆ์ที่มีคุณสมบัติ เพื่อแต่งตั้งเป็น กรรมการ มส. รูปใหม่ขึ้นมาแทนพระพรหมสุธี เนื่องจากเป็นการปลด ไม่ได้เป็นการพักตำแหน่งแต่อย่างใด สำหรับตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง และเจ้าคณะภาค 12 นั้น ยังคงอยู่ ซึ่งทั้ง 2 ตำแหน่ง เป็นอำนาจของเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้น ได้แก่ เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เจ้าคณะใหญ่หนกลางว่า จะมีการพิจารณาอย่างไรต่อไป
      
       ขณะที่ พระพรหมสุธี กล่าวว่า รับทราบเรื่องการให้ออกจากกรรมการ มส. แล้ว ในฐานะที่เป็นพระ ต้องยอมรับคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ยังคงทำหน้าที่ของพระต่อไป
      
       วันเดียวกัน ที่พระอุโบสถวัดสามพระยา พระพรหมดิลก ( เอื้อน หาสธมฺโม)เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการ มส. ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ในพิธีมอบบัญชาแต่งตั้งพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดสระเกศ แทนพระพรหมสุธี ซึ่งเจ้าคณะกทม.มีคำสั่งให้พักจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่า เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกจะมีการเสนอปลดตำแหน่งเจ้าคณะภาค12 ในการประชุม มส.ในวันที่21 มกราคมนี้






Cr  :  Manager Online
      

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

'อัลเคดาเยเมน' ยอมรับ! อยู่เบื้องหลังโจมตีสนง. 'ชาร์ลี เอบโด'






 ผู้นำอัลเคดา

นัสซาร์ บิน อาลี อัล-อันซี (ภาพ: AFP PHOTO)

ผู้นำระดับสูงของกลุ่มอัลเคดาในประเทศเยเมน ออกมากล่าวอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีสำนักงานนิตยสาร ชาร์ลี เอบโด ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มอัลเคดาในคาบสมุทรอาระเบีย (AQAP) ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศเยเมน เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 11 นาที ลงบนโลกออนไลน์เมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นภาพนาย นัสซาร์ บิน อาลี อัล-อันซี หนึ่งในสมาชิกระดับแกนนำของกลุ่ม กล่าวอ้างว่าพวกเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีสำนักงานของชาร์ลี เอบโด
"เพื่อเป็นการอวยชัยการต่อสู้ในปารีส พวกเราขออ้างความรับผิดชอบต่อปฏิบัติการนี้ เพื่อแก้แค้นให้ผู้ส่งสารของพระเจ้า" นายอันซีกล่าว และว่า "ผู้ที่เลือกเป้าหมาย, วางแผนและสนับสนุนทุนสำหรับปฏิบัติการนี้ คือระดับผู้นำของกลุ่ม ตามคำสั่งของ ไอย์มาน อัล-ซาวาอิรี (หัวหน้าใหญ่อัลเคดา) เหล่าวีรบุรุษถูกเลือกและตอบรับการเรียกร้องแล้ว"
โจมตี สนง. ชาร์ลี เอบโด
ไอย์มาน อัล-ซาวาอิรี หัวหน้าใหญ่อัลเคดา (ภาพ: AFP PHOTO)
"วันนี้ นักรบมูจาฮีดีนได้แก้แค้นให้แก่ศาสดาที่น่าเคารพ และส่งข้อความที่ชัดเจนที่สุดถึงทุกคนที่กล้าโจมตีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอิส ลาม" นายอันซีกล่าวและยกคำพูดของโอซามา บิน ลาเดน อดีตหัวหน้าใหญ่อัลเคดาผู้ล่วงลับขึ้นมาพูดด้วยว่า "หากเสรีภาพในการพูดของพวกคุณไม่มีการจำกัด ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ควรยอมรับเสรีภาพในการกระทำของพวกเรา"
กลุ่ม AQAP ยังเยาะเย้ยการเดินขบวนครั้งใหญ่เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวในกรุงปารีส เมื่อวันอาทิตย์ (11 ม.ค.) ด้วยว่า เป็นฉากอันน่าตกใจซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ "ดูสิว่าพวกเขา (หมายถึงเหล่าผู้นำประเทศต่างๆ ที่มารวมเดินขบวน) มารวมตัวกันอย่างไร, เดินขบวนและสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างไร, เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ความอ่อนแอของตัวเองและปิดแผลให้กันอย่างไร"
ขณะเดียวกัน นิตยสารชาร์ลี เอบโด ฉบับแรกนับตั้งแต่เกิดการโจมตีเมื่อวันพุธที่ 7 ม.ค. ออกวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศฝรั่งเศส และมีผู้มารอซื้อเป็นจำนวนมาก โดยนิตยสารลอตแรกทั้งหมด 700,000 ฉบับที่วางจำหน่ายในวันพุธ (14 ม.ค.) ขายหมดภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ชาร์ลี เอบโด วางแผนจะตีพิมพ์นิตยสารฉบับพิเศษ ซึ่งมีหน้าปกเป็นภาพชายมุสลิมโพกผ้า ถือป้ายข้อความว่า 'ฉันคือชาร์ลี' อย่างน้อย 5 ล้านฉบับตลอดทั้งสัปดาห์
ชาร์ลี เอบโด
ชาวฝรั่งเศสเข้าคิวซื้อนิตยสารชาร์ลี เอบโด (ภาพ: AP Photo)
ทั้งนี้ เหตุก่อการร้าย 3 วันในฝรั่งเศสเริ่มต้นขึ้นในวันพุธ (7 ม.ค.) โดย 2 พี่น้อง เชรีฟ และ ซาอิด คูอาจี ก่อเหตุบุกโจมตีสำนักงานนิตยสารรายสัปดาห์ 'ชาร์ลี เอบโด' ในกรุงปารีส มีผู้เสียชีวิต 12 ราย และบาดเจ็บอีก 11 คน อ้างว่าเพื่อแก้แค้นให้ศาสดามูฮัมหมัด ก่อนหลบหนีการตามล่าของตำรวจไปยังภาคเหนือของประเทศ ถึงเมืองดามาแตง ออง โกเลอ จับตัวประกันคนหนึ่งที่โรงพิมพ์ CTD ก่อนถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในวันศุกร์ (9 ม.ค.) และตัวประกันปลอดภัย
ในเวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเหตุนาย อาเมดี คูลิบาลี แนวร่วมของ 2 พี่น้องคูอาจี และผู้ต้องสงสัยยิงตำรวจหญิงเสียชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ม.ค.) ก่อเหตุจับตัวประกันนับสิบคน ในซุปเปอร์มาร์เก็ตยิวแห่งหนึ่งในเขตปอร์เตอเดอ แวงซองน์ ทางตะวันออกของกรุงปารีสในวันศุกร์ ก่อนตำรวจจะนำกำลังบุกเข้าโจมตีสังหารนายคูลิบาลี และช่วยเหลือตัวประกันได้ 15 คน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พบศพตัวประกันเสียชีวิต 4 ราย โดยเชื่อว่าถูกยิงเสียชีวิตก่อนเจ้าหน้าที่บุกจู่โจม

Cr  :  ไทยรัฐออนไลน์

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

ฮิตจริง! 'ท่าชักกระตุก' ลามไต้หวัน ซุปเปอร์จูเนียร์เต้นโชว์ (ชมคลิป)

ฮิตจริงๆ ท่าเต้น "ABC ชักกระตุก" จากหนังดัง ขนาดวงบอยแบนด์ชื่อดัง ยังนำไปเต้นโชว์ในคอนเสิร์ต นอกจากนี้ กระแสยังลามไปถึงไต้หวัน ...

เรียกว่าระบาดไปทั้งเมืองไทยและต่างประเทศแล้ว สำหรับ ท่า “ABC ชักกระตุก เพลงประกอบภาพยนตร์ ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้” จากค่ายจีทีเอช ที่ล่าสุด สำนักข่าวจากไต้หวัน ได้รายงานว่า ได้เกิดกระแสฮิตเต้นท่าดังกล่าวเนื่องจาก พนักงานบริษัทต่างๆ นำท่าเต้นนี้มาใช้เพื่อแสดงในเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง

นอกจากนี้ ยังพบว่าศิลปินชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ อย่างซุปเปอร์จูเนียร์ ยังนำท่าเต้นดังกล่าวไปแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตด้วย ซึ่งในเรื่องนี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท จีทีเอช เผยว่า นักร้องดังไม่ได้ทำการขอลิขสิทธิ์การเต้นแต่อย่างใด แต่ก็เข้าใจว่าเป็นกระแสของวัยรุ่น ดังนั้น ทางจีทีเอช จึงไม่ได้ติดใจแต่อย่างใด

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ จีทีเอช ยังเผยต่อว่า ขณะนี้มีหลายประเทศติดต่อซื้อหนังเรื่องนี้ไปแล้ว อาทิ กัมพูชา อินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงไต้หวัน และฮ่องกงด้วย ซึ่งขณะนี้ หนังกำลังลงโปรแกรมฉายที่ประเทศกัมพูชา และมีเสียงตอบรับเข้ามาอย่างดี



Cr  :  ไทยรัฐออนไลน์

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

บางระจัน ( ภาพยนตร์ )

เนื้อเรื่อง

ในปีพุทธศักราช 2308 พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่าส่งทัพพม่า 2 ทัพใหญ่บุกกรุงศรีอยุธยา ทัพหนึ่งบุกเข้ามาทางใต้ นำโดย มังมหานรธา อีกทัพหนึ่งเป็นทัพผสมรามัญบุก เข้ามาทางเหนือ นำโดย เนเมียวสีหบดี การบุกของทัพนี้ต้องเจออุปสรรคเป็นรายทาง เพราะต้องพบกับกองกำลังต่อต้านโดยชาวบ้านธรรมดา ๆ ทำให้ต้องเดินทัพล่าช้า โดยชาวบ้านที่แตกระสานซ่านเซ็นมารวมตัวกันที่บ้านระจัน โดยมี พ่อแท่น (ชุมพร เทพพิทักษ์) ผู้อาวุโสที่สุดเป็นแกนนำ ที่บ้านระจันมีชาวบ้านที่มีฝีมือหลายคนรวมตัวกัน เช่น อ้ายจัน (จรัล งามดี) ที่แค้นพม่าที่เมียถูกฆ่าตาย, อ้ายอิน (วินัย ไกรบุตร) พรานขมังธนู ที่เพิ่งอยู่กินกับอีสา (บงกช คงมาลัย) เมียสาว และ อ้ายทองเหม็น (บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์) คนพเนจรผมเผ้ารุงรังที่ไม่มีใครรู้หัวนอนปลายตีน ชอบกินเหล้าเมาพับอยู่ใต้เกวียน และมีหลวงพ่อธรรมโชติ (ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง) ผู้ขมังเวทย์แห่งวัดโพธิ์เก้าต้น เป็นขวัญกำลังใจ
วันหนึ่ง ขณะสู้รบพ่อแท่นได้รับบาดเจ็บเพราะปืนใหญ่ที่ หล่อเองเกิดแตก หลายคนเสียกำลังใจอพยพหลบหนี อ้ายจันจึงขึ้นเป็นผู้นำ เนเมียวสีหบดีหัวเสียที่ไม่สามารถตีฝ่าบ้านระจันไปได้เสียที สุกี้ (กฤษณ์ สุวรรณภาพ) นายกองเชื้อสายรามัญจึงขออาสานำเข้าตีและสังหารพระเพื่อตัดกำลังใจชาวบ้านระ จัน ทั้งหมดลุกขึ้นสู้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

นักแสดง

  • บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์.....อ้ายทองเหม็น
  • วินัย ไกรบุตร.....อ้ายอิน
  • จรัล งามดี.....อ้ายจัน
  • บงกช คงมาลัย.....อีสา
  • นิรุติ สาวสุดชาติ.....อ้ายดอก
  • ชุมพร เทพพิทักษ์.....พ่อแท่น
  • สุนทรี ใหม่ละออ.....อีแตงอ่อน
  • ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง.....หลวงพ่อธรรมโชติ
  • อรรถกร สุวรรณราช.....อ้ายเมือง
  • ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล.....พันเรือง
  • กฤษณ์ สุวรรณภาพ.....สุกี้

คำวิจารณ์และความนิยม

บางระจัน สร้างขึ้นมาจากเรื่องราวของวีรชนบ้านบางระจันแห่งจังหวัดสิงห์บุรี ที่คนไทยรู้จัก เป็นอย่างดี ที่กล่าวกันว่าเป็นการรวมตัวกันของชาวบ้านธรรมดา ๆ ต่อต้านกองทัพพม่าที่มีกำลังเหนือกว่าได้ถึง 5 เดือน จนตัวตาย เรื่องราวของวีรกรรมส่วนนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายต่อหลายครั้ง และประพันธ์เป็นเพลงปลุกใจที่รู้กันกันดี เช่น ศึกบางระจัน ของขุนวิจิตรมาตรา
บางระจันฉบับภาพยนตร์เรื่องนี้ ตัดคำว่า "ศึก" ออกไป เหลือแต่ "บางระจัน" อย่างเดียวเพื่อเน้นถึงความเป็นสถานที่ อีกทั้งชื่อของชาวบ้านที่เคยรับรู้ว่าขึ้นต้นด้วยคำว่า "นาย" กลายเป็น "อ้าย" หรือ "อี" เพื่อความสมจริงสำหรับการใช้ภาษาให้คล้องจองกับยุคสมัยนั้น
เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย กลายเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมภายในเวลาไม่นาน ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่า คงเป็นด้วยการที่เป็นวีรกรรมของบุคคลระดับชาวบ้านจึงง่ายต่อการเข้าใจและใน ช่วงเวลานั้นใกล้จะถึงการเลือกตั้ง 6 มกราคม พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งใหม่ครั้งแรกของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับการกล่าวกันว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วมร่างมากที่สุดในขณะนั้น  ทำให้ภาพยนตร์ได้รายได้มหาศาลถึง 150.4 ล้านบาท จนต้องมีการตัดต่อใหม่ ใส่คำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษสำหรับคนต่างชาติ เพื่อนำไปฉายต่อในเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ธนิตย์ จิตนุกูล ผู้กำกับอีกครั้ง ซึ่งหลังจากนี้ธนิตย์ได้กำกับภาพยนตร์ในลักษณะนี้ตามมาอีกหลายเรื่อง ซึ่งก็มีทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตการแสดงของ บงกช คงมาลัย ซึ่งต่อมากลายเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ให้กับ วินัย ไกรบุตร นักแสดงชายจนได้รับฉายาว่า "พระเอกร้อยล้าน" หลังจากนางนาก ในปี พ.ศ. 2542 และเมื่อนำออกฉายต่างประเทศ เป็นที่ชื่นชอบของ โอลิเวอร์ สโตน ผู้กำกับของฮอลลีวู้ด และได้ติดต่อ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่รับบทอ้ายทองเหม็น มารับบทเป็นพระราชาอินเดีย ในภาพยนตร์กำกับของตัวเอง คือ Alexander เมื่อยกกองถ่ายมาที่เมืองไทยอีกด้วย

Cr  :  wikipedia.org

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

พยากรณ์อากาศประจำวัน

โดย กรมอุตุนิยมวิทยา
ข้อมูลย้อนหลัง :
 
ประจำวันที่ 12 มกราคม 2558
ลักษณะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทย ตอนบน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังเคลื่อนผ่านภาคเหนือเข้าปกคลุมภาคตะวัน ออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง หลังจากนั้นบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป และอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนในเกณฑ์เป็นแห่งๆ ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค
ทางตอนบน อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส
ทางตอนล่าง อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 23-30 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมแรง
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ และนครราชสีมา
อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-28 องศาเซลเซียส
บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ภาคกลาง มีเมฆบางส่วนกับมีฝนเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรีและสระบุรี
อุณหภูมิต่ำสุด 18-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี และนครนายก
อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส
ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต
อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ออกประกาศ : 12 มกราคม 2558 เวลา 05:00 น.