วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

ฮิตจนต้องปลอมแปลง! “หินสีนำโชค” แฟชั่นความเชื่อของคนอยากดวงดี

ฮิตจนต้องปลอมแปลง! “หินสีนำโชค” แฟชั่นความเชื่อของคนอยากดวงดี
        “หินสีนำโชค” จากความเชื่อสมัยโบราณกลายมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อเหล่าดาราและเซเลบริตีทั่วฟ้าเมืองไทยต่างพร้อมใจกันใส่ข้อมือนี้อวด รูปโฉมลงอินสตาแกรม หลายคนยังแคลงใจว่าแบบไหนคือของแท้ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามีพลังเสริมดวงชะตาได้จริงๆ !?
      
        
       พาเหรดดารา นำเทรนด์!
        
        
       งานนี้จะไม่ให้เกิดเป็นกระแสได้ อย่างไร ในเมื่ออิทธิพลความแรงของหินนำโชคระบาดไปในแวดวง เหล่าเซเลบดังๆ หรือแม้แต่ศิลปินดารา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลนำเทรนด์ ต่างพากันใส่สร้อยข้อมือหินนี้อวดรูปโฉมกันเต็มอินสตาแกรม นอกจากจะช่วยเสริมดวงในเรื่องต่างๆ แล้ว ยังช่วยเสริมลุคให้ดูดีมีสไตล์อีกด้วย
        
        
       ดาราคนแรกๆ ที่ใส่คงหนีไม่พ้นสาวๆ แก๊งนางฟ้าอย่าง “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ”, “เจนสุดา ปานโต”, “คริส หอวัง” ที่เลือกให้หินสีให้เข้ากับลุคสปอร์ตเกิร์ลได้อย่างลงตัวและสวยงาม หรือแม้แต่ซุปตาร์ตัวแม่อย่าง “อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่สร้างกระแสความนิยมใส่กำไลหินสีนำโชค โดยการเลือกดีไซน์ สีสันสวยงามให้ถูกตาต้องใจตามสไตล์ของตนเอง 
      
       
เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับ หินสีนำโชค

      
       

      
       
คริส หอวัง หินสีนำโชค

      
       
อั้ม พัชราภา หินสีนำโชค

      
        
        
       มาทางด้านเซเลบริตีรุ่นใหญ่ “ผึ้ง-สิริยส เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ที่มีความเชื่อของพลังหิน โดยให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์สำนักหนึ่งว่า ตนได้นำหินสีชมพูใสมารักษาคุณแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งบริเวณหน้าอกแล้วมีอาการ ดีขึ้น ขณะที่ตัวหินนั้นมีสีขุ่นลง จึงทำให้ได้รู้ว่าการทำให้หินกลับมาใสอีกครั้งนั้น ต้องล้างหินเคาะกับขันเงินทิเบต หรือนำหินไปตากแดด อาบแสงจันทร์ ล้างกับนํ้าทะเล จะทำให้หินกลับมาใสและมีพลังเหมือนเดิม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์
        
        
       ส่วนไฮโซหนุ่ม “ท็อป-ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี” ก็มีความสนใจและเชื่อในพลังของหินเช่นเดียวกัน เนื่องจากทางครอบครัวทำธุรกิจอัญมณี โดยแต่ละปีต้องเปลี่ยนแหวนที่นิ้วเป็นประจำเพื่อเสริมกับดวงชะตาชีวิต ประกอบกับช่วงนี้กระแสหินกำลังมาแรง และมีรุ่นน้องศึกษาเรื่องหินอย่างจริงจัง จึงแนะนำว่าควรมีหินอะไรติดตัวบ้าง จึงจัดหาสร้อยข้อมือหินที่ใส่ติดตัวตลอดเวลา อีกทั้ง ยังนำหินมาตั้งตามโต๊ะทำงาน ห้องนอน และตู้เซฟ เพื่อเน้นในเรื่องของการทำงานอีกด้วย
      
       
ท็อป ณัฏฐเศรษฐ์ กับ หินสีนำโชค
       

      
        
       ทว่า ศิลปินดาราบางคนไม่ขออิงกระแสแฟชั่นเพียงอย่างเดียว แต่จริงจังถึงขั้นเปิดกิจการขายหินนำโชคเพื่อเป็นธุรกิจเสริมให้แก่ตนเอง อาทิ “ป๊อบ-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ” พิธีกรชื่อดังมากความสามารถ ที่เพิ่งเปิดตัวธุรกิจเครื่องประดับข้อมือหินไปหมาดๆ โดยเป็นสร้อยหินผูกดวง ที่ไม่เหมือนกับในท้องตลาดทั่วไปซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ เพราะได้ “หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา” นักพยากรณ์ชื่อดัง มาเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำ
        
       หรือแม้แต่สาวสวย “ครีม-เปรมสินี รัตนโสภา” ก็หันมาเอาดีทางด้านนี้เหมือนกัน โดยส่งต่อหินคุณภาพดี คัดหินมาแบบสุดพิเศษ ส่งต่อให้ลูกค้าที่ไม่สะดวกไม่ซื้อที่ร้าน ก็นำมาลงขายผ่านทางอินสตาแกรม เรียกได้ว่า ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนต้องเห็นเหล่าคนดังหรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปใส่สร้อย ข้อมือหินนำโชคกันแทบทุกคน
      
       
ป็อป วราวุธ หินสีนำโชค

      
       

      
        
       ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมา “หินนำโชค” คืออัญมณีที่มีความเชื่อกันว่าสามารถเสริมดวงชะตาได้จนกลายเป็นกระแสความฮอต ให้แก่ผู้คนหมู่มาก เพราะเชื่อในพลังของหินที่สามารถช่วยในเรื่องการงาน การเงิน สุขภาพ หรือแม้แต่เรื่องความรัก โดยผู้ใส่อยากจะเสริมทางด้านไหนก็เลือกแบบของหินได้ตามต้องการ
        
        
       ย้อนกลับไป ความเชื่อเรื่องพลังของหินถือว่าเป็นที่นิยมในบ้านเรามานานนับ 10 ปีแล้ว แต่เริ่มกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เนื่องด้วยดีไซน์ที่เก๋และอินเทรนด์ขึ้น โดยในปัจจุบันมีการออกแบบหินให้ดูทันสมัยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เน้นเป็นสร้อยข้อมือที่มีจิวเวลรีแบบอื่นแซมลงไปด้วย ทำให้ดูหรูหราและมีราคามากขึ้น นอกจากสร้อยข้อมือแล้ว ยังมีการดัดแปลงทำเป็นเครื่องประดับหลายแบบด้วยกัน เช่น สร้อยคอ แหวน และต่างหู ยิ่งทำให้เป็นที่สนใจได้ไม่น้อย
       
        
        
       มีเรื่องราวมากกว่าแฟชั่น!
        
        
       ด้วยกระแสความฮอตของหินนำโชคนี้ เอง ทำให้มีผู้ค้ารายใหม่ผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะหันมองไปทางใดก็จะเห็นร้านขายเครื่องประดับนี้พวกนี้อยู่จำนวนไม่ น้อย หรือแม้แต่กระทั่งในโซเชียลมีเดีย “สุจิตรา บุญกิตติพร” หนึ่งในผู้ค้าหินสีรายใหม่จากร้านthe stella stone เธอ ได้บอกเล่ากับทีมข่าวASTV ผู้จัดการLiveว่า การที่หันมาทำธุรกิจนี้เธอไม่ได้โหนกระแส เพียงแต่ตนมีความเชื่อและศรัทธาในตัวหินอยู่แล้ว และอยากมอบสิ่งดีๆ ให้แก่ลูกค้า
        
        
       “ที่บ้านเป็นคน ที่ชอบสะสมหินกันอยู่แล้วค่ะ เพราะมีความเชื่อว่าหินสามารถมอบพลังให้กับคนที่ชื่นชอบและศรัทธาในตัวหิน และหินยังช่วยในการรักษาคน รักษาโรค หรือว่าการช่วยดลบันดาล เพื่อเพิ่มความสบายใจแล้วก็เป็นการเสริมความมั่นใจและเสริมในสิ่งต่างๆ ที่ขาดหายไป และเนื่องจากว่ามีความรู้เรื่องของหินอยู่แล้ว เพราะว่าอยู่และคลุกคลีกับมันมานานแล้วก็บวกกับศาสตร์ที่ได้เรียนรู้มาก็เลย หันมาจับทำธุรกิจนี้
        
       คิดว่า ตอนนี้จริงๆ แล้วมันก็เป็นเหมือนแฟชั่นระดับหนึ่ง แต่คิดว่าการทำธุรกิจที่มองว่าเป็นแฟชั่นมันก็จะมาแล้วไป แต่สิ่งที่คิดก็คือ หินมันมีเรื่องราวมากกว่าคำว่าแฟชั่น ก็เลยเอาหินบวกกับศาสตร์ ในการดูลักษณะสีและคนเข้ามาเพื่อเป็นเครื่องรางมากกว่าการเป็นแฟชั่นค่ะ
       
        
        
       หินสี หรือหินนำโชคในท้องตลาดบ้านเรามีมากมาย ตั้งแต่ราคาถูกจนถึงราคาแพง นั่นเป็นเพราะ หินมีมากมายหลายแบบด้วยกัน ส่วนหินบางประเภทที่มีราคาหลักร้อย อาจจะเป็นหินแท้แต่ไม่มีความสวยงามเพียงพอ และการที่จะมาทำธุรกิจทางด้านนี้ต้องศึกษาและมีความรู้มากพอที่จะส่งต่อให้ แก่ลูกค้า
        
        
       “หินบางประเภทก็ มีราคาค่อนข้างถูกอยู่แล้ว บางหินอาจจะเป็นหินจริงๆ แต่ว่ามันเป็นหินใหม่ที่ยังไม่มีความสวยงามที่เพียงพอ ก่อนที่จะมาเริ่มขายก็สงสัยว่าทำไมบางร้านขายหินถูกจังก็เลยได้ทราบว่า หินมันมีตั้งแต่หินใหม่ หินเก่า หินสังเคราะห์ ที่ทำขึ้นมาจากวิทยาศาสตร์ด้วย ก่อนจะหันมาจับธุรกิจนี้อย่างจริงจังก็ได้มีการเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ศาสตร์ทางด้านนี้ด้วย ทำให้รู้ว่าหินแต่ละชนิดมีพลังงานยังไง สามารถมอบให้แก่คนประเภทไหน สามารถแก้ไขในเรื่องราวใดๆ หินชนิดนี้มีเรื่องราวยังไง
        
        
       เพื่อเป็นการเล่า ให้ลูกค้าฟังว่าหินไม่ใช่แค่ก้อนกลมๆ ที่เป็นกำไลให้แก่ลูกค้า แต่ว่าหินมันมีเรื่องราวที่มากกว่านั้น เราจึงอยากให้ลูกค้าเข้าใจแล้วทราบถึงความเป็นมาของหินและสิ่งที่หินจะให้ ต่อลูกค้าค่ะ และเราไม่ได้ขายเพราะแฟชั่นหรือความสวยงาม บางคนเข้ามาเพื่อความสวยงามก็จริง แต่พอเราถามหินชนิดนี้ไม่เหมาะนะ เราก็ไม่ได้ขายให้แก่ทุกคน”
        
        
       ส่วนตระกูลหินที่เป็นที่นิยมมาก ที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นหินตระกูลไหม เนื่องจากหินประเภทนี้มีความสวยงามอยู่ในตัวอยู่แล้ว และเพิ่มความมหัศจรรย์มากขึ้นเมื่อใส่ไปนานๆ หินจะได้รับอุณหภูมิของตัวผู้ใส่ ทำให้เส้นไหมจะมีมากขึ้น ส่วนตัวหินเองก็จะมีความใสเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
        
        
       “ตอนนี้ก็จะมีหิน ยอดนิยม เรียกว่าหินตระกูลควอตซ์ และก็หินตระกูลควอตซ์ที่เป็นหินใส หินจำพวกไหมที่มีไหมข้างในซึ่งมีตั้งไหมทอง ไหมเงิน ไหมดำหรือชื่อว่าหินแก้วขนเหล็ก และก็ไหมจักรพรรดิ ไหมนาค มีหลากหลายมากค่ะ แล้วก็พวกหินสีใสๆ ที่เป็นหินสีเดียว เช่น โรสควอสเป็นหินสีชมพูช่วยในเรื่องความรัก และอความารีน หินสีโทนฟ้าใสช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกเย็น สบาย จิตใจสงบ ซึ่งเป็นหินที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้หญิง
        
       ที่ฮิต ที่สุดจะเป็นหินตระกูลไหมเพราะมันมีความสวยงามแล้วคนผู้ใส่จะรู้สึกว่าหิน ไหมมีพลังบางอย่าง และเชื่อกันว่าเป็นหินแห่งความร่ำรวย ตอนที่ซื้อไปใหม่ๆ หินก็จะมีความสวยงามระดับหนึ่ง แต่เมื่อใส่ไปนานๆ ความสวยงามจะเริ่มออกมาเรื่อยๆ เนื่องจากว่าหินได้รับอุณหภูมิของคนไป ทำให้เส้นไหมในหินบางตัวจะมีเพิ่มมากขึ้น หรือมีความชัดเจนมากขึ้น หินจะมีความใสมากขึ้นเนื่องจากใส่ไปเรื่อยๆ ค่ะ”
        
        
       ทว่ายังไม่มีเครื่องพิสูจน์ใดที่ จะบ่งบอกได้ว่าหินสีเหล่านี้มีพลังและสามารถเสริมดวงชะตาให้แก่ผู้ใส่ได้ จริงๆ แต่หากมีความศรัทธาและมีความเชื่อ หินจะส่งพลังให้แก่ผู้สวมใส่เอง
        
       “ลักษณะ ของกำไลหิน จะเป็นหินกลม กลมคือกลมเกลียวไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ซึ่งลักษณะของตัวกำไลหินเองมีเรื่องราวระดับหนึ่งแล้ว อาจจะพิสูจน์ไม่ได้จากการบอกเล่าค่ะ แต่เชื่อว่าในเมื่อเรามีความศรัทธากับสิ่งใดมากๆ และเรามีความเชื่อในสิ่งที่เรานำมาเป็นเครื่องรางให้แก่ตัวเราเองในการเสริม สร้างในสิ่งที่เราขาดหายไป และเมื่อเรามีความรู้สึกมั่นใจ หินจะส่งพลังให้แก่ผู้ที่สวมใส่เองค่ะ” 
       
       
       ระวัง! หินปลอม โกยเงินจากศรัทธา
       
       ความจริงแล้วความเชื่อเรื่องหินมี มานานถึง 10-20 ปี ด้วยกัน แต่เนื่องจากตอนนี้ดาราบ้านเราหันมาทำธุรกิจเลยกลายเป็นกระแสให้ผู้คนกลับมา สนใจอีกครั้ง และนี่คือประวัติศาสตร์หินจากผู้รู้ “อ.อรรถพล น้อยวงศ์” (หมอมีน ตีสิบ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหิน และการบำบัดด้วยหิน (Stone Therapy) ให้ข้อมูลกับทางทีมข่าวว่า
       
       “ต้องบอกก่อนว่า เรื่องหินมันมีคนเชื่ออยู่เป็นกลุ่มที่ใหญ่อยู่ตั้งนานอยู่แล้ว มีคนเล่นเรื่องหิน หรือสนใจเรื่องหินที่เป็นกลุ่มและเล่นจริงๆ มีมา นานอยู่แล้วครับประมาณ10 -20 ปีแล้ว แต่ตอนนี้มันจะเป็นในลักษณะที่ว่าคนสนใจเยอะขึ้น เพราะว่าดาราก็มาขายเองด้วย มันก็เลยเป็นกระแส ส่วนหินที่ใช้คือ หินฟอสซิลที่มาจากแหล่งบราซิลกับจีนเป็นแหล่งที่รวบรวมพลังงานที่ดีที่สุดใน โลก แบบนี้ที่เขาเล่นกัน แต่ของคนอื่นผมไม่รู้ว่าเขาเอามาจากไหน เพราะจีนก็มีหลายเขต”
       
       ต้นกำเนิดของหินมาจากทวีปยุโรป เพราะกลุ่มคนเหล่านั้นเขาศึกษาพลังของหินมาเป็นเวลานาน จึงกลายมาเป็นความเชื่อ และแพร่หลายไปยังคนกลุ่มต่างๆ จนถึงทุกวันนี้
       
       “ด้านยุโรปด้าน ออสเตรีย เขาศึกษาพลังเรื่องหินมาตั้งนานอยู่แล้ว อย่างที่บอกมันเป็นคนเฉพาะกลุ่ม แต่อย่างในประเทศไทยในเรื่องของหินมันก็มีมานานแล้วเหมือนกัน แต่ก็เป็นเฉพาะกลุ่มเหมือนกัน คือเป็นกลุ่มคนที่สนใจแล้วก็ซื้อเยอะ คนชอบหินก็จะซื้อกันใหญ่เลย แล้วมีความสุขจะได้เอามาเพื่อขายหรืออะไรต่างๆ
       
       จริงๆ ก็แล้วทางยุโรปเขาจะดังเรื่องหิน เรื่องไพ่ การทำนายอะไรพวกนี้อยู่แล้ว จริงๆ ใน เรื่องของความเชื่อ ก็ขึ้นอยู่กับตัวหินด้วยหนึ่ง แล้วแต่ความเชื่อ แล้วก็ในลักษณะของความศรัทธาอะไรต่างๆ ก็ช่วยให้ดีขึ้นเท่าที่ผมดูเรื่องนี้ก็ช่วยได้เยอะครับ”
      
       

      
       
       จากที่เป็นกระแสร้อนแรงอยู่ตอนนี้ ทำให้พ่อค้า-แม่ค้าหน้าใหม่ ต่างหันมาจับจ้องทำธุรกิจนี้กันมากขึ้น และปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นกันว่าผู้ค้าบางรายไม่มีความรู้เรื่องหินด้วยซ้ำ แต่ที่นำมาขายเพียงเพราะอยากโหนกระแสเท่านั้นเอง และเหตุนี้เองทำให้ผู้บริโภคได้รับหินที่ไม่มีคุณภาพกลับไป
       
       
       “มันก็ น่ากลัวเหมือนกันเพราะว่าตอนนี้ หินที่เอามาขายกันแพงๆ อย่างผมทำเรื่องการบำบัดด้วยหิน แล้วก็ใช้หินในการทำนายอยู่แล้วนะครับ ทีนี้แล้วมันกลายเป็นว่าคนขายหินรุ่นใหม่มาบางทีไม่ได้รู้จริง หรือบางทีเรียกชื่อยังไม่ถูกเลย แล้วก็ใช้หินที่ไม่ได้คุณภาพ แล้วมันกลายเป็นว่าตอนนี้กระแสหินที่มาตอนนี้มันทำให้หินแพงขึ้นด้วยซ้ำ จากเดิมที่เราได้ราคานี้มา กลายเป็นว่ากระแสหินมา เราได้ของเกรดเดิม ดีเหมือนเดิมแต่ราคามันต้องเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง”
      
       

      
       
       จะเห็นได้ว่า ณ ตอนนี้ในท้องตลาดบ้านเราหันไปทางไหน คงหนีไม่พ้นร้านเครื่องประดับ และหนึ่งในนั้นจะมีหินนำโชควางเรียงรายอยู่ไม่น้อย ราคาเส้นตั้งแต่หลักร้อย จนถึงเป็นหลักหมื่นเลยก็มี และคงเป็นเรื่องที่ยาก หากจะดูว่าแบบไหนจึงจะเรียกว่าหินแท้หรือหินเทียม และแบบไหนกันที่จะสามารถเสริมดวงชะตาให้แก่เราได้จริงๆ
       
       “ต้องสัมผัสนะ ครับ คนที่ดูต้องเป็นคนมีประสบการณ์ อย่างผมมีประสบการณ์เรื่องหินมาเป็น 10 ปี แล้วนะครับ เราแค่ดูหรือสัมผัสเราก็ทราบแล้ว เดี๋ยวนี้หินมันปลอมกันเยอะมาก ต้องดูหินที่ไม่ลอกเพราะหินมันลอกไม่ได้อยู่แล้ว อย่างเทอร์ควอยซ์ ก็ต้องลอยน้ำเพราะข้างในมันกลวงถ้าจมน้ำมันก็ไม่ใช่ คนธรรมดาก็ตอบยาก ทางที่ดีต้องให้หมอดูหรือคนที่มีความเชี่ยวชาญความรู้เรื่องหินมาดูมากกว่า
       
       ตอนนี้ก็มีหิน หลายอย่างที่ออกมา เช่น ข้อมือ สร้อยคอ แต่ผมจะเน้นแนวหินพลังมากกว่าครับ พกหินใส่ถุง หินก้อนเล็กๆ เราต้องรู้ว่าคุณสมบัติของมันคืออะไรด้วยนะครับ หินพลังจะเป็นหินพกมากกว่าไม่ค่อยทำเป็นข้อมือ เพราะชนทีแตกจะมีปัญหาเลยนะ เวลาที่หินแตกคนก็เข้าใจผิดเพราะคิดว่าแพง พอหินแตกก็ยังใส่ต่อ มันไม่ได้คือเราถือของที่มันแตกไว้กับตัวเองมันจะมีปัญหาถือว่าไม่ดี ส่วน ราคาหิน แพงสุดมันแล้วแต่ไซส์ แล้วแต่ความเก่าแก่ของหินที่เขาเอามา คือหินประดับที่เขาเอามาเจียระไนทำเครื่องประดับก็อีกราคาหนึ่ง เป็นหลักหมื่นก็มี ก็จะเรียกพลังได้มากขึ้น”
       
       นอกจากนี้ ผู้ที่มีความศรัทธาในเรื่องของหินนำโชค ควรศึกษาหาความรู้มาให้ดีก่อนที่จะซื้อ และไม่จำเป็นที่ว่าหินราคาแพงถึงจะดี เรื่องแบบนี้มักขึ้นอยู่กับพลังและความศรัทธามากกว่า ส่วนในเรื่องของปลอมเป็นเรื่องที่ห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่เราควรระวังด้วยตนเอง
       
       "มีของปลอมเยอะ มาก คนซื้อต้องมีความรู้หรือทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องหินมาก่อน ควรซื้อกับคนที่มีความรู้เชี่ยวชาญหรือหมอดูที่เขาทำในเรื่องหินมานาน แต่เราก็ไม่แน่ใจไงว่าที่เขาซื้อเขาต้องการให้มันเป็นแฟชั่นหรือเปล่า ถ้าเป็นแฟชั่นก็จะเน้นเรื่องสวยมากกว่า แต่ถ้าสมมติเป็นจะเน้นในเรื่องพลังก็ต้องศึกษาในอินเทอร์เน็ตก็จะมีเยอะ หรือถามผู้เชี่ยวชาญถามเยอะๆ ก็ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญจริงๆ เขาก็ชอบตอบอยู่แล้ว เขาจะไม่ค่อยรำคาญหรอก
       
       คนที่จะ ซื้อหินต้องมีความศรัทธาต้องเชื่อว่าหินเขาช่วยได้นะ ไม่ใช่ว่าใส่ๆ ไป ทั้งที่บางคนที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหินที่ใส่คืออะไร ช่วยตัวเองในเรื่องอะไร ช่วยได้เรื่องอะไรใส่หินก็ควรที่จะเลือกสรรให้ไปในทิศทางเดียวกัน บางคนใส่หินข้อมือ 4- 5 เส้น มันก็ไม่ได้ด้วยกันเลยนะ ไม่ไปในทิศทางเดียวกันก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะเวิร์กเท่าไหร่”
       
       สำหรับ ใครที่ชื่นชอบและมีความเชื่อเกี่ยวกับพลังของหินก็สามารถเลือกหามาใส่ได้ตาม ต้องการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การสวมใส่หินนำโชคเป็นเพียงความเชื่อส่วนบุคคล ที่ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้ว่าแท้จริงแล้วหินเหล่านี้มีพลังและสามารถ เสริมดวงชะตาได้จริงหรือไม่ เพราะฉะนั้น ต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนด้วยเช่นกัน



Cr  :  Manager Online
      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น