รอยเตอร์/เอเอฟพี – อเล็กซิส ซีปราส
ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซ
ให้คำมั่นว่าจะนำพาประเทศหลุดพ้นจากมาตรการรัดเข็มขัดเข้มงวดที่ได้สร้าง
“ความอัปยศและความเจ็บปวด” ต่อกรีซมานานถึง 5 ปี หลังพรรคฝ่ายซ้ายซีรีซา
(Syriza) ของเขากวาดคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ (25)
ซึ่งทำให้ผู้นำยุโรปออกมาแสดงความกังวลต่ออนาคตของเอเธนส์
และฉุดรั้งเงินยูโรจนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปี
จากผลการนับคะแนนที่ผ่านไปราว 92 เปอร์เซ็นต์
พรรคซีรีซามีแนวโน้มจะได้ที่นั่งในสภา 149 จากทั้งหมด 300 ที่นั่ง
และคว้าคะแนนเสียงร้อยละ 36.2 มากกว่าพรรคประชาธิปไตยใหม่ของนายกรัฐมนตรี
อันโตนิส ซามาราส ที่กำลังจะหมดอำนาจลงถึง 8.5 แต้ม
แม้ว่า ซามาราส จะออกมายอมรับความพ่ายแพ้
แต่ยังต้องรอดูผลการเลือกตั้งสรุปที่จะประกาศในช่วงเช้าวันนี้ (26) ว่า
พรรคซีรีซาจะสามารถคว้าที่นั่งในสภาได้ถึง 151
จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ซีปราส วัย 40 ปี
กำลังจะกลายเป็นนายกฯ
คนแรกในกลุ่มยูโรโซนที่ประกาศจุดยืนต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัด
ซึ่งสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขเพื่อปล่อยเงินกู้แก่กรีซ
“กรีซได้ก้าวข้ามมหันตภัยรัดเข็มขัดมาแล้ว
เราทิ้งความหวาดกลัวและลัทธิอำนาจนิยมไว้เบื้องหลัง เราได้ผ่านช่วงเวลา 5
ปีแห่งความอับยศและความเจ็บปวดมาแล้ว” ซีปราส
กล่าวต่อบรรดาผู้สนับสนุนหลายพันคนที่มาชุมนุม ณ กรุงเอเธนส์
ปฏิกิริยาตอบสนองจากตลาดเงินสะท้อนความกังวลที่นักลงทุนมีต่อพรรคซี
รีซา ซึ่งประกาศจะเจรจาปรับเงื่อนไขในข้อตกลงกู้ยืมของกรีซ
จนอาจก่อความขัดแย้งกับรัฐบาลอื่นๆ ในกลุ่มยูโรโซน
ผลเลือกตั้งในกรีซฉุดเงินสกุลยูโรให้อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11
ปีชั่วระยะเวลาสั้นๆ โดยแตะระดับ 1.1088
ดอลลาร์สหรัฐฯต่อยูโรในตลาดโตเกียวเมื่อช่วงเช้า ทุบสถิติต่ำสุดตั้งแต่ปี
2003 ก่อนที่จะขยับขึ้นมาเป็น 1.169 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโร เมื่อเวลา 0.40
น. GMT
ก่อนหน้านี้ เงินยูโรได้อ่อนค่าลงไปเหลือเพียง 1.1115 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ต่อยูโรในตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (23) หลังจากที่ธนาคารกลางแห่งยุโรป
(อีซีบี) ประกาศนโยบายรับซื้อพันธบัตรเพื่อผ่อนคลายวิกฤตหนี้ของยูโรโซน
เยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยูโรโซนเรียกร้องให้ผู้
นำคนใหม่ของกรีซเคารพเงื่อนไขกู้ยืมมูลค่า 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ที่กรีซทำไว้กับเจ้าหนี้ “ทรอยกา” อันประกอบด้วยสหภาพยุโรป, ไอเอ็มเอฟ
และอีซีบี ซึ่งจะช่วยให้เอเธนส์รอดจากภาวะล้มละลาย
ทว่าพลเมืองกรีซก็ต้องยอมที่จะเสียสละครั้งใหญ่ด้วย
ธนาคารกลางเยอรมนี หรือ “บุนเดสแบงก์” เตือนว่า กรีซจำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อที่จะก้าวพ้นวิกฤตการคลังไปให้ได้
ซีปราส ยืนยันว่า
ตนพร้อมจะให้ความร่วมมือกับผู้นำกลุ่มยูโรโซนเพื่อทางออกที่
“เป็นธรรมและได้ประโยชน์ทุกฝ่าย” แต่คุณภาพชีวิตของพลเมืองกรีซจะต้องมาก่อน
“สิ่งแรกที่เราจะทำคือการเยียวยารักษาบาดแผลจากวิกฤต...
สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือการกอบกู้ศักดิ์ศรีที่ประเทศชาติและประชาชนของเรา
สูญเสียไป”
ซีปราส สัญญาว่าจะรักษาสมาชิกภาพของกรีซในยูโรโซนต่อไป
และผ่อนปรนท่าทีแข็งกร้าวลงเล็กน้อย
แต่ถึงกระนั้นการก้าวสู่อำนาจของเขาก็ยังถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับ
แนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้สินที่ยูโรโซนกำลังใช้อยู่
นักวิเคราะห์มองว่า
ชัยชนะของพรรคซีรีซาในกรีซอาจกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้แก่พรรคต่อต้าน
มาตรการรัดเข็มขัดอื่นๆ ที่กำลังมาแรงในยุโรป โดยเฉพาะพรรค “โปเดโมส”
(Podemos) ในสเปน และขณะเดียวกันก็ “เข้าทาง” ของผู้นำคนสำคัญในยุโรป เช่น
ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรี มัตเตโอ
เรนซี แห่งอิตาลี
ซึ่งเห็นว่านโยบายจำกัดจำเขี่ยงบประมาณไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจของยุโรปเติบโต
ซีปราส จะต้องเตรียมตัวรับศึกหนักหลายด้าน
รวมไปถึงการเจรจากับหุ้นส่วนในยุโรป โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล
แห่งเยอรมนี
ทั้งนี้ หากพรรคซีรีซาไม่สามารถคว้าที่นั่ง ส.ส.
เกินครึ่งหนึ่งของสภาก็จะต้องเจรจาจับขั้วกับพรรคเล็กๆ
เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งพรรคอินดิเพนเดนต์กรีกส์
และพรรคสายกลาง โต โปตามี ได้ประกาศแล้วว่า
พร้อมสนับสนุนรัฐบาลพรรคซีรีซาที่ไม่เอามาตรการรัดเข็มขัด
อย่างไรก็ดี นั่นเท่ากับว่าพรรคซีรีซากำลังพาตัวเองไปสู่สถานะ
“ตัวประกัน”
ที่จะต้องปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อรักษาเสียงสนับสนุน
และก่อให้เกิดคำถามสำคัญว่า รัฐบาล ซีปราส จะอยู่ได้นานเพียงใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น